มาร์ค ชี้ แม้ว อ้างคัมแบ็กเพื่อชาติฟังไม่ขึ้น เชื่อหวั่น ทรท.สั่นคลอน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2549 18:29 น.
อภิสิทธิ์ ชี้ข้ออ้าง ทักษิณ ขอกลับมาทำหน้าที่นายกฯฟังไม่ขึ้น เพราะครม.ยังอยู่ครบแต่กลับทำงานไม่ได้ เชื่อห่วงผลประโยชน์ทางการเมือง-หวั่นไหวเรื่องเลือกตั้ง ยันใบลาพักจนกว่ามี ครม.ชุดใหม่ พร้อมแนะรัฐเร่งสร้างขวัญกำลังใจคนในจังหวัดชายแดนใต้ ชี้ประชาชนยังไม่เชื่อใจในนโยบายรัฐ
วันนี้ (22 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งว่า ปัญหาของบ้านเมืองในขณะนี้เราก็รอคอยการคลี่คลาย ตนไม่อยากเห็นการสร้างเงื่อนไขของความขัดแย้งเพิ่มเติม และการสร้างค่านิยมที่ผิดว่าปัญหาต่างๆ แก้ไขไม่ได้ โดยยึดติดกับตัวบุคคล ซึ่งหากบอกว่าจำเป็นจะต้องเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เท่ากับยอมรับความล้มเหลวของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด เพราะการจะกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ไม่ได้เปลี่ยนสถานะของรัฐบาลรักษาการ และก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศเว้นวรรคเป็นปีในวันที่จะมีรัฐบาลจริง จึงรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้เว้นวรรคเพียงไม่กี่เดือนไม่ได้ ทั้งหมดถือเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยมากกว่า และแทนที่จะเป็นผลดี กลับทำให้หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลมากขึ้น
สถานะของการกลับมาจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของมติ ครม.ด้วย เพราะก่อนหน้านี้แจ้งเรื่องของการลาพักออกมาเป็นมติ การลาพักที่ผ่านมาไม่มีผลทางกฎหมาย หรือมีผลตรงกับที่ตั้งใจไว้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวทำลายเรื่องของระบบ เพราะเท่ากับว่าต่อไปตำแหน่งต่างๆ นึกจะยกจะดึงกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นเรื่องซึ่งจะไปผูกปมปัญหาในเรื่องของระบบ และยิ่งทำให้คนมองการเมืองว่าเป็นเรื่องของการไม่มีสัจจะด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกลับมาทำหน้าที่ในบางอย่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น การเป็นประธานจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี หรือเป็นประธานเรื่องของนายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้มีการเขียนไว้ในมติ ครม.ในขอบเขตที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทุกฝ่ายควรที่จะลดหรือถอยออกมาให้มากที่สุดแล้วให้กระบวนการเดินหน้าไป ซึ่งตนมองว่าไม่ได้มีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องกลับเข้ามาทำงาน แต่ที่สำคัญว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณถอยออกไป เป็นการคลายบรรยากาศทางการเมือง แต่คนของพรรคไทยรักไทยยังอยู่เต็มคณะทำไมถึงไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ได้ และกลับพยายามผูกติดเงื่อนไขว่ายาเสพติดกลับมา ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง และคิดว่าความกังวลเกิดขึ้นเพียงเพราะว่าช่วงระยะเวลาสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปดูจะยาวขึ้น จึงคิดว่าเป็นความหวั่นไหวของพรรคไทยรักไทยมากกว่า ทั้งเรื่องคดีที่ค้างอยู่ที่เกี่ยวกับพรรคและเรื่องคดีที่ค้างอยู่
ส่วนกรณีที่นักกฎหมายบางส่วนตีความว่าใบลาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนกับสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องซึ่งมีการไปยื่นต่อศาลปกครองอยู่ ซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าการลาพักดังกล่าวมีผลทางกฎหมายหรือไม่ แต่เห็นว่าการลาพักถือเป็นเรื่องผิดปกติตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะการลาพักที่ไปผูกว่าจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันด้วยว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาหรือไม่ พรรคไม่ได้มีปัญหาเรื่องคะแนนเสียงหรือเรื่องอะไร เพราะพรรคก็เดินหน้าทำงานในส่วนของพรรคไป ยังเดินหน้าเตรียมนโยบายและบุคลากรอย่างเต็มที่ ซึ่งสัปดาห์นี้จะใช้เวลากับการทำความชัดเจนในเรื่องของวาระประชาชนในเรื่องสุขภาพ โดยจะไปดูปัญหาที่เกิดขึ้นที่เป็นผลพวงจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และจะมีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งจะพูดคุยกับผู้ปฏิบัติด้วย และจากนั้นจะนำมาปรับในนโยบายของพรรคที่จะออกมาต่อไป
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่ล่าสุดมีครูถูกจับเป็นตัวประกันและถูกทำร้ายว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือการเร่งสร้างความมั่นใจและขวัญกำลังใจ ซึ่งก็เห็นใจว่าการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกรณีของครูถือเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ เพราะจริงๆ แล้วครูทั้งสองคนที่ถูกทำร้ายถือเป็นผู้ที่ทุ่มเทในวิชาชีพ และคิดว่าทุกคนต้องส่งกำลังใจไปให้ ทั้งนี้ ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับครูที่ถูกทำร้ายคนหนึ่งและกับคุณพ่อคุณแม่ของอีกคนหนึ่งเพื่อให้กำลังใจ
เหตุการณ์อย่างนี้ซึ่งเคยเกิดขึ้นในทำนองเดียวกันในหลายจุด ทำให้การเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเวลามีความจำเป็นในเรื่องการปฏิบัติการที่จะต้องไปจำกุม คงต้องวางแผนให้ครบถ้วนรอบคอบ คือคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่การนำคนนอกพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ ถือเป็นการสะท้อนว่านโยบายของรัฐบาลไม่ได้รับการปฏิบัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่คนจากจังหวัดเชียงราย หรือต่างพื้นที่อยากจะเข้าไปทำงานในภาคใต้ ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่มีคนที่มีความเสียสละที่อยากจะไปอยู่ภาคใต้ และต้องสนับสนุนให้คนเกิดความรู้สึกว่าทุกแห่งในประเทศไทยปลอดภัย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือเรื่องของมวลชน ที่รัฐบาลยังไม่สามารถที่จะเข้าไปกุมสภาพได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม เข้าใจดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะไปคาดคั้นว่าจะต้องทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นตัวฟ้องว่าหลายอย่างจะต้องรัดกุมมากกว่านี้และต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนทุกย่างก้าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐเช่นนี้ ถือเป็นผลพวงจากความไว้เนื้อเชื่อใจจากนโยบายในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องแก้ไขและรื้อฟื้น และตนก็เห็นว่าผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพพยายามแก้ไขในเรื่องนี้อยู่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่ายังต้องทำอีกมาก โดยเวลานี้สิ่งที่ต้องเร่งทำให้ได้คือ ทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจและขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะขณะนี้โรงเรียนในภาคใต้ได้รับผลกระทบแน่นอน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าการจับกุมผู้กระทำผิด เพื่อยืนยันหลักความศักดิ์สิทธิของกฎหมายก็มีความจำเป็น
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงก่อนหน้านี้ว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะบอกว่าสถานการณ์ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยจากเหตุการณ์นี้ก็คงไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นตัวฟ้องว่าหลายพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือช่องว่างระหว่างรัฐกับประชาชนยังมีอยู่มาก และหลายครั้งรัฐบาลพยายามให้ตัวเลขหรือให้ภาพในแง่บวกเท่านั้น ทั้งที่ปัญหาที่ทรุดลงมาหลายปีนั้นถอยหลังไปมาก และหลายหน่วยงานก็พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ แต่รัฐบาลต้องยอมรับความจริง นอกจากนี้ตนยังอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ กอส. ซึ่งก่อนหน้าที่จะนำเสนอข้อเสนอต่างๆ ต่อรัฐบาลชุดใหม่ อาจจะต้องมามีบทบาทมากขึ้น โดยมีเรื่องไหนที่คิดว่าจะมาแก้ปัญหาลักษณะนี้ได้ทันทีก็ต้องเดินหน้าทำ