รมว.คลังไฟเขียวกลต.สอบจักรภพ ปูดอสมทเจ๊ง27ล.

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ (26 มี.ค.) ว่า

พร้อมเปิดทางให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุถึงผลประกอบการของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในเดือน ม.ค.
2551 มีผลขาดทุน 27 ล้านบาท เพราะเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ที่เปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้ รับอนุญาต เพราะหากเป็นรัฐมนตรีแล้วทำผิดกฎหมาย ก็สามารถเอาผิดได้โดยชอบธรรม
"ยืนยันว่าจะไม่มีการแทรกแซงการทำงานของ ก.ล.ต. เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ รัฐมนตรีคนใด ไม่ว่าจะเป็นนายจักรภพหรือรัฐมนตรีคนอื่น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว  

ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า


จากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ติดตามข้อมูลดังกล่าว มาตั้งแต่วันที่
25 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่พบว่าข้อมูลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายบริหารของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  ชี้แจงเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต.ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบในขั้นต่อไปว่า ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลมีวัตถุประสงค์อย่างไร และตรวจสอบว่าเป็นการทำผิดในการให้ข้อมูลเท็จ หรืออาจมีการใช้ข้อมูลภายในให้เป็นประโยชน์หรือไม่ หาก ก.ล.ต.พบความผิดก็คงมีขั้นตอนการลงโทษต่อไป  

วันเดียวกัน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า

ตามที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีปัญหาการขาดทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลประกอบการเดือนม.ค.
2551 ขาดทุนกว่า 27 ล้านบาท เมื่อไม่รวมรายได้จากการร่วมดำเนินกิจการ ช่อง 3 และ ทรู วิชั่นส์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัท  อสมท. จำกัด (มหาชน)  มีผลประกอบการที่ดีและมีกำไรมาโดยตลอด ไม่เคยประสบภาวะขาดทุน ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกถึงร้อยละ 24 และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ส่วนในเดือนม.ค.2551 บริษัทได้งดรายการบันเทิงทั้งหมดในช่วง 2 สัปดาห์แรก ประกอบกับต้องผลิตรายการอื่นเพื่อทดแทนรายการบันเทิงดังกล่าว จึงทำให้บริษัทมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว บริษัทยังคงมีกำไรอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มการประกอบการที่ดี โดยคาดว่า บริษัทจะมีรายได้รวมในปี 2551 เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 15

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์