จูหลิง หญิงที่โกงชาติไม่เป็น / เปลวสีเงิน

"จูหลิง" หญิงที่โกงชาติไม่เป็น / เปลวสีเงิน

คนปลายซอย
22 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ

"อาการครูจุ้ยมีโอกาสรอดน้อยมาก"

เสียงผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ตะโกนย้ำคำโปรยตัวข่าวภาคค่ำวานนี้ได้ยินไปทั่วกองบรรณาธิการ ผมอยู่ในซอกของมุมหนึ่งก็ยังไม่วายได้แว่ว

ได้ยินแล้วก็..สะท้อนในหัวอก!


เป็นชะรอยบุญ-ชะตาบาปของประเทศชาติ-ประชาชนหรือไฉน ในแผ่นดินยุคระบอบทักษิณเป็นธงนำชาติ ประเทศร้อนเป็นไฟ บ้านเมืองเหมือนตกนรกหมกไหม้ ไทยฆ่าไทย ทั้งฟ้า ทั้งดิน วิปริตผิดผัน

คนชั่ว-โจรร้าย เหิมห้าวเป็นเจ้าอำนาจ แผ่ศักดา โกง กิน ปล้น ฆ่า แต่ไพร่ฟ้าเหมือนถูกมนต์เงินตราบังใจ เห็นพระเป็นโจร เห็นโจรเป็นพระ เห็นดำเป็นขาว เห็นขาวเป็นดำ

หลงกราบกราน โหยหา "ไฮยีน่า" ด้วยเข้าใจว่า..มันเป็นราชสีห์-จ้าวแห่งสัตว์!

"ครูจุ้ย" หรือคุณครู "จูหลิง ปงกันมูล" นั้นคือคนที่ผู้ประกาศข่าวตะโกนเรียกความสนใจผู้ชมในข่าวภาคค่ำ ท่านคงทราบอยู่แล้วนะครับว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอ จนกระทั่งถึงค่ำวานนี้ (๒๑ พ.ค.) ชีวิตของเธอก็ยังตกอยู่ในคำจำกัดความที่ว่า "โอกาสรอดน้อยมาก"

เธอเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนสุดท้ายที่แผ่นดิน ๓ จังหวัดใต้แน่นอนที่จะต้อง "พลีชีวิต" เซ่นความบัดซบของเหตุการณ์ต่อไปอีก....

เหตุการณ์..อันแตกหน่อ-เพาะเชื้อชั่ว เริ่มมาจากคำบัดซบที่ว่า...ไอ้โจรกระจอก..ครั้งนั้นแหละ!


ณ ขณะนี้ หลายๆ ท่านอาจรู้เพียงว่าอะไรเกิดขึ้นกับคุณครูจูหลิง ครูสาววัย ๒๓ ปี ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยครู" โรงเรียนบ้านกูจิงรือปะ อำเภอระแงะ จ.นราธิวาส

แต่ยังไม่รู้ และอยากรู้จักตัวตน-ความเป็นมาของคุณครูจูหลิงให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็อยากรู้ พื้นเพ-ถิ่นฐานว่า จูหลิงเป็นใคร มาจากไหน?

ผู้หญิงคนหนึ่ง

กะอีแค่อาชีพต๊อกต๋อยในคำว่า "ครูบ้านนอก" อาชีพหนึ่ง!

แต่ทำไม "จูหลิง" จึงยอมสละทั้งชีวิต ขณะอยู่ในวัยของหญิงด้วยกันส่วนใหญ่ รักที่จะใช้ชีวิตช่วงนี้ สนุกสนาน ร่าน..ระเริง ไปกับสีสันแห่งสังคม "โกง-กิน-กาม-เกียรติ" อันเป็นบูรณาการจากการบริหารสังคมยุค

ประชานิยม ในระบอบทักษิณ!


ใช่..เธอรักที่จะเป็น "ครูบ้านนอก" บ้านนอกในลักษณะ "นอกเขตความปลอดภัย" เสียด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่จะรู้จักตัวตนของจูหลิง ผมจะสรุป "เหตุที่เกิด" คร่าวๆ ให้ทราบก่อน

"จูหลิง" ถูกกลุ่มแม่บ้านกูจิงรือปะจับไปหวังใช้เป็นตัวแลกเปลี่ยนกับ"ผู้ต้องสงสัย"ในพื้นที่ซึ่งถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวนคดีฆ่านาวิกโยธินก่อนหน้านี้ เธอถูกจับพร้อมกับคุณครูสิรินาถ ถาวรสุข เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ พค.

ก่อนที่จะมีการช่วยนำตัวคุณครูทั้ง ๒ ออกมาได้ ปรากฏว่า คุณครูจือหลิง ถูกรุมทุบตีศีรษะแตก แขนหัก คอหัก ถึงแม้นำส่งโรงพยาบาลอยู่ในการดูแลของแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่แล้วก็ตาม

ผู้มีใจบริสุทธิ์ทั้งประเทศ เพื่อนครูทั้งประเทศ ที่เฝ้ารอฟังผลคืบหน้าในอาการ คำตอบ"ดีที่สุด"ที่ได้รับจากแพทย์จนถึงค่ำวานนี้ก็แค่ว่า

โอกาสรอดน้อยมาก"

แต่ด้วยการไขว่คว้าท่ามกลางความว่างเปล่า คำว่า"โอกาสรอดน้อยมาก"นั่นก็ถือเป็นข่าวดี เพราะ"โอกาสรอดน้อยมาก"

ก็ดีกว่าจะได้ยินคำว่า"ไม่มีโอกาสรอด"หรือ

"หมดโอกาสแล้ว"

เพราะอย่างน้อยที่สุด ในความสิ้นหวัง เรายังมีหวัง เรายังมีโอกาส ถึงแม้โอกาสนั้นจะเท่า"รูปลายเข็ม"อันมองลอดจากอุโมงมืดทึบใต้หุบเหวแห่งบาดาลนครก็ตาม!

จูหลิงเป็นลูกสาวคนเดียวของชาวบ้านซื่อๆครอบครัวหนึ่งคือ"คุณสูน-คุณคำมี ปงกันมูล"รากฐานและปัจจุบันเป็นคนเชียงราย และปักหลักอยู่เชียงราย บ้านปงน้อย กิ่งอำเภอดอยหลวง

จูหลิงเป็นสาวเหนือที่ยินดีใช้ชีวิต"ทั้งชีวิต"ของตัวเองแลกเพื่อให้ได้มาเพียงแค่คำว่า"คุณครู"


และด้วยปณิธานหนัก อันน้อยนักที่หนุ่ม-สาวใดพึงมี จากเหนือสุด จูหลิงก็พาตัวเองมาเป็น"ผู้ช่วยครู"อยู่ที่ใต้สุด"บ้านกูจิงรือปะ" นราธิวาส อันคนภายนอกก็เพิ่งได้ยินครั้งนี้แหละว่า

มีพื้นที่นี้อยู่ในประเทศไทย!

ครอบครัวเธอเป็นครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ไม่มีโอกาสเล่นหุ้น ปั่นหุ้น ซุกหุ้น ไม่มีโอกาสแลกเช็ค โกงเช็คที่แลกเขามา ไม่มีกระทั่งโกาสจะโกงชาติบ้านเมืองโดยสุจริต

แต่คุณพ่อสูน คุณแม่คำมี มีโอกาสใช้สามัญสำนึกสอนลูกคนเดียวให้รู้จัก ซื่อสัตย์-สุจริตนะลูก อดทนนะลูก เสียสละประโยชน์ตนเพื่อส่วนรวมนะลูก ไม่โกหกหลอกลวงสังคมนะลูก ไม่มักใหญ่ไฝ่สูงจนเกินศักดิ์นะลูก

ยึดมั่น กตัญญูในแผ่น ในสถาบันพระมหากษัตริย์ ในพระพุทธศาสนา และในประชาร่วมชาติด้วยกัน


เธอจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง คณะศิลปศาสตร์ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๖ จูหลิงเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการบรรเจิด เธอมีความสามารถพิเศษในด้านวาดภาพจิตกรรมฝาผนัง และเธอทำในสิ่งรักได้ประเสริฐเสียด้วย

จูหลิงมีปณิธานรับใช้สังคมและชาติด้วยอาชีพครู เธอสสมัครสอบบรรจุครู และเธอก็ได้มาเป็นครูอาสาสอนวิชาศิลปะของโรงเรียนกูจิงรือปะเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๘ นี้เอง สมใจรักของเธอ

"ไม่อยากให้ลูกต้องมามีสภาพแบบนี้ หากย้อนกลับไปได้ ก็จะไม่ให้ลูกมาทำงานที่ภาคใต้ ช่วงที่จุ้ยรู้ว่าได้เป็นครูสอนหนังสือที่ภาคใต้ จุ้ยดีใจมาก บอกว่าจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เคยเรียกจุ้ยไปถามว่าไม่กลัวหรือ เพราะฆ่ากันตายทุกวัน จุ้ยกลับอกว่า..ไม่กลัว..อยู่เมืองไทยที่ไหนก็ปลอดภัยเหมือนกัน จึงเลือกมาเป็นครูที่นี่ จุ้ยเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวผม ก็ห่วงลูกตลอด โทรศัพท์มาพูดคุยก็จะเตือนให้ลูกระวัง ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับจุ้ยอย่างนี้...."

คุณสูน พ่อของจุ้ย หรือจูหลิง ระบายความอัดอั้นกับนักข่าว หลังจากเห็นสภาพลูกสาวในห้องไอซียู ผมเก็บความตอนนี้จาก"ไทยรัฐ"ฉบับวันอาทิตย์ ในข่าวเขาบอกว่าคุณสูน..กล่าวทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า

ร้องเถอะ..คุณสูน น้ำตาไม่ได้มีไว้เพื่อกลั้น

ในโลกนี้ ไม่มี"น้ำ"อะไรที่ ใส-บริสุทธิ์-สะอาดที่สุด เท่าน้ำที่กลั่นออกมา จากเบื้องอุระอันเรียกว่า"น้ำตา-จากใจ"อีกแล้ว!

อัน"น้ำตา"นั้น ธรรมชาติท่านรู้ว่ามนุษย์เกิดจากทุกข์ อยู่กับทุกข์ และต้องพรัดพลาดจากหายกันไปอันเป็นที่สุด ซึ่งก็ทุกข์อีก ขึ้นต้นด้วยทุกข์ ท่ามกลางด้วยทุกข์ และจบลงด้วยทุกข์

มนุษย์เอ๋ย....มึงจะโกงกิน ชาติ-ประชาชน และเหิมเกริมยกตนเทียบชั้น สถาบันกษัตริย์ไปเพื่ออะไร?


เมื่อสัจจะแห่งชีพเป็นเยี่ยงนี้ ธรรมชาติท่านก็สังเวชว่า มนุษย์นี้ ที่ยังต้องล้ม ลุกคลุกคลานกลางเกลี่ยวคลื่นในผืนทะเลแห่งโมหะ

ทุกข์หนัก และทุกข์นัก

ท่านจึงให้"น้ำตา"เพื่อ..ชะล้างใบหน้าทุกข์!

เสียงข่าวโทรทัศน์รายงานอาการคืบหน้าของคุณครูจูหลิง ปงกันมูลแว่วมาอีกแล้ว ผมจำหยุดเขียนชั่วขณะ แล้วกลั้นใจฟัง จับใจความได้ ดังนี้

ความคืบหน้าอาการของ ครูจูหลิง ปงกันมูล ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ สงขลา เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น.วันนี้(๒๑ พค.)คณะแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ ๒ ถึงอาการบาดเจ็บของครูจูหลิง โดยรศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒ ผ.รพ.สงขลานครินทร์ ระบุว่า ผู้ป่วยยังคงไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม สัญญานชีพคงที่ ม่านตาขยายกว้างยังคงไม่ตอบสนองต่อแสง แต่เริ่มหายใจได้ด้วยตนเองเล็กน้อย ปัสสาวะเริ่มมีสีแดง อาจเกิดจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ขณะนี้ยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยาควบคุมความดันตลอดเวลา

รศ.สุเมธกล่าวว่า ยังคงต้องขอแรงใจจากคนไทยทั้งประเทศ เพื่อร่วมกันภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ เพื่อให้ครูจูหลิงมีโอกาสรอด ซึ่งหากมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง สิ่งที่จะรับรู้ได้ในเบื้องต้นคือ ผู้ป่วยต้องรู้สึกตัว และมีสัญญานชีพทางประสาท และแสดงให้เห็น เช่นม่านตาตอบสนองต่อแสง ซึ่งเป็นสัญญานบ่งชี้เบื้องต้น

ขอแรงใจพี่น้องไทยทั้งประเทศเพื่อร่วมกันภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์!


จูหลิง...สิ่งที่เธอทำเพื่อชาติวันนี้ มันเกินกว่าที่จะเรียกว่าปาฏิหาริย์อยู่แล้ว พวกเรา-ชาวไทยทั้งประเทศ จงผนึกกระแสบริสุทธิ์แห่งใจให้เป็นพลังแห่งพลานุภาพไปปลุก"สัญญานชีพ"ของเธอให้โชติช่วง สร้างคำว่าปาฏิหาริย์ที่เหนือปาฏิหาริย์ให้ปรากฏเป็นที่กล่าวขาน เป็นตำนานชีพสืบต่อไปให้พร้อมกันเถิด

ผมจะจดจำคำหนึ่งอันสูงล้ำไว้ ถือเป็นคำที่สถาบันครูและศิษย์ทั้งหลายต้องจด-จารณ์-จารึกไว้เพื่อปลุกหัวใจคนเป็นครูตลอดไปเช่นกัน นั่นคือคำที่จูหลิงบอกกับพ่อของเธอว่า

"อยู่เมืองไทย ที่ไหนก็ปลอดภัยเหมือนกัน"

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์