หมอเลี้ยบยันทักษิณกลับมาทำงานได้เพราะไม่ได้ลาขาด

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ "ทักษิณ"กลับมาทำงานได้ เพราะไม่ได้ลาขาด

(22พค.) นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งว่า นายกฯ ได้แจ้งลาการปฏิบัติหน้าที่ต่อครม.ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.โดยระบุชัดมอบหมายงานให้พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม ทำหน้าที่แทน แต่ถ้าหากมีงาน สำคัญและงานที่ต้องทำโดยตำแหน่งนายกฯ ท่านก็จะกลับมาทำงาน โดยไม่ได้เป็นการลาขาด และเป็นการลาหลังจากที่ได้แถลงว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ ภายหลังการเลือกตั้ง และเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาที่ทุกฝ่ายอยากจะให้คลี่คลาย เพื่อที่จะให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ โดยสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ได้แจ้ง หลังจากที่แถลงอย่างเป็นทางการว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งภายหลังการเลือกตั้ง และช่วงก่อน ที่จะมีการเปิดสภาใหม่ ซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะต้องเปิดสภาภายใน 30 วัน เพราะฉะนั้น ในช่วงเวลา 30 วัน นายกรัฐมนตรีก็คิดว่าเป็นระยะเวลาอันสั้น และน่าจะ สอดคล้องกับที่ทุกฝ่ายอยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นคลี่คลาย ให้บ้านเมืองกลับสู่ สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อเตรียมการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในช่วงระหว่าง ปลายเดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนมิถุนายน

นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุม ครม. แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน ที่ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ครบ 500 คน จนส่งผลให้มีการเลือกตั้งอีก แต่ก็ยัง ไม่ครบจำนวน ทำให้ไม่สามารถเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ภายใน 30 วัน ดังนั้นจึงถือว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป จากที่ได้มีการแจ้งต่อ ครม. นอกจากนี้ เมื่อคาดการณ์กันแล้วว่า การเลือกตั้งอาจจะต้องยาวนานไปถึงเดือนตุลาคม จึงจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ นับเป็นเวลา 5 เดือนต่อจากนี้ ประกอบกับสถานการณ์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคมมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก ทั้งเรื่องราคาน้ำมันปัญหายาเสพติดปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ปัญหาสำคัญ เหล่านี้คงไม่สามารถมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับผิดชอบในเรื่องสำคัญเหล่านั้นได้ ทั้งนี้ หากนายก รัฐมนตรี จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง ก็สามารถที่จะแจ้งการตัดสินใจต่อ ครม. อีกครั้ง หนึ่งได้

เดิมนายกรัฐมนตรี แจ้งต่อ ครม. เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ท่านบอกว่า หากมีเรื่องสำคัญจะกลับมาทำงาน อย่างวันนี้คือ นายกรัฐมนตรีกลับมาทำเรื่องสำคัญ แต่ เรื่องอื่น ๆ ท่านได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชิดชัย เป็นคนทำ แต่วันนี้เราคงต้องประเมินกันใหม่ เพราะกว่าจะเลือกตั้งอีก 5-6 เดือน ก็ต้องมาดูว่า การทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องทำอย่างไร โฆษกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาในเรื่องระเบียบและกฎหมาย เนื่องจากมีการยื่นฟ้อง เรื่องการยื่นใบลาพักงานของนายกรัฐมนตรี ให้ศาลปกครองพิจารณาหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการยุบสภา เวลาปฏิบัติหน้าที่ปกติ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กับรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชิดชัย ปฏิบัติหน้าที่ แต่นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า หากเป็นเรื่องสำคัญก็พร้อมจะกลับมาทำ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ลาขาดไปเลย ไม่มาปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ค.) เลยหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี จะเข้าประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนจะได้เรียนสอบถามเพื่อขอความชัดเจนจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาทำงานของนายกรัฐมนตรี จะทำให้เกิดความตึงเครียดในบ้านเมืองอีกหรือไม่ เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ก็ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากการเมืองไปเลย โฆษกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก เงื่อนไขที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ ยื่นไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็เป็นเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในขณะนั้น แต่ขณะนี้เงื่อนไขต่างๆ เปลี่ยนไปมาก การที่ทุกฝ่ายพยายามหาทางออกที่ลงตัวที่สุดสำหรับประเทศในขณะที่มี วิกฤต ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ถ้าพิจารณาด้วยจิตใจที่รักชาติบ้านเมือง ก็คงเข้าใจว่าใน สถานการณ์เช่นนี้ ประเทศต้องการผู้นำที่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองใน ระหว่างที่รอให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปี

เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ขู่จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ในช่วงเดือนกรกฎาคม หลังเสร็จสิ้นงานฉลองสิริราชสมบัติ จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ โฆษกฯ กล่าวว่า การขู่ของ พันธมิตรฯ ก็ขู่ได้ แต่จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไปหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะทุก วันนี้ประชาชนได้รับข้อมูลมากขึ้น และคาดหวังว่าอยากเห็นบ้านเมืองสงบกลับสู่สภาวะปกติ โดยเร็ว