วานนี้ (24 มี.ค.) พ.ต.ต.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางมด ช่วยราชการพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน
เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จากกรณีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 นายจักรภพได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย มีเนื้อหาว่า "ตนอยากให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบไม่มีพระมหากษัตริย์"
ทั้งนี้ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ได้นำหลักฐานเป็นดีวีดีคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ และคำถอดความจากภาษาอังกฤษ มายื่นเป็นหลักฐาน พร้อมกับกล่าวว่า การแจ้งความครั้งนี้ดำเนินการเป็นส่วนตัว ไม่ได้รับมอบหมายจากใคร
ด้าน นายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า
เรื่องนี้ให้ถือว่าเรื่องสำคัญไม่ว่าใครจะแจ้งความก็ตามคนที่ถูกกล่าวหาจะต้องชี้แจง ซึ่งตนกำลังรวบรวมคำให้สัมภาษณ์และแผ่นซีดีที่เกิดขึ้นระหว่างการบรรยายในครั้งนั้น เพื่อมาดูว่ามีท่อนใดที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในเบื้องต้นตนสามารถปฏิเสธได้ว่าไม่มีเจตนาจวบจ้วงเบื้องสูง เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยจงใจเจตนา ตนไม่มีเจตนาใดๆที่จะแสดงความคิดเห็นหรือพูดจาในทางที่เกี่ยวพันกับสถาบันระดับสูงในทางที่ไม่สมควร อย่าว่าแต่การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเลย โดยไม่ต้องดู เพราะแม้แต่ในใจก็ไม่มี
นายจักรภพ กล่าวว่า ตนอยากตั้งข้อสังเกตว่าสัปดาห์นี้จะมีกลุ่มมวลชนหลายกลุ่มประกาศรวมพล
โดยเฉพาะในวันที่ 28 มี.ค. นี้ รวมทั้งคนที่เคยมีบทบาทขัดแย้งกันมาก่อน“โดยเฉพาะ สน.พหลโยธินก็เป็นที่น่าสนใจตรงที่ผู้กำกับ สน.พหลโยธิน คือ พ.ต.อ.อาคม จันทนราช ที่เมื่อปีที่แล้วยังเป็นพ.ต.ท.เป็นพนักงานสอบสวนคดี นปก.บุกบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ซึ่งก็ทำให้คิดขึ้นมาได้เหมือนกันว่านายตำรวจคนนี้ ที่เดิมอยู่ สน.บางมดก็บังเอิญไปช่วยราชการอยู่ที่ สน.พหลโยธิน คิดว่าการเคลื่อนไหวดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจะไม่มีอิทธิฤทธิ์ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด แต่รัฐธรรมนูญนั้นมีผลแน่ ดังนั้นรัฐธรรมนูญถือเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องตั้งวงในแต่ละสาขาเพื่อร่วมการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นระบบและขั้นตอน “ นายจักรภพ กล่าว