เติ้ง ผวาเบี้ยวล็อก 90 วัน บี้ กกต.ออก จี้ แม้ว หลังเลือกตั้งต้องเว้นวรรค
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2549 13:36 น.
บรรหาร สุดทนพฤติกรรม กกต. วิงวอนพิจารณาถอยโดยเร็ว ถามกลับทุกวันนี้นั่งทำอะไร ทำไมไม่รีบประชุมกำหนดเลือกตั้งให้ชัดเจน ดักคอถ่วงเวลาเหมือนไม่อยากปลดล็อก 90 วัน แจงเหตุแนะ แม้ว คัมแบ็กห่วงปัญหาประเทศไม่เกี่ยวกับการเมือง ขีดเส้นเสร็จเลือกตั้งต้องลาออก-เว้นวรรค เพราะเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงว่า ที่ต้องแถลงเช้าวันนี้เพราะอึดอัดกับการทำงานของ กกต.อย่างมากที่สุด ขณะนี้ตามที่หลายฝ่ายได้พูดกันแล้วว่าการเลือกตั้งน่าจะมีการกำหนดที่แน่นอน ไม่ควรจะปล่อยให้อึมครึมกันแบบนี้ ขึ้นอยู่กับ กกต.และรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กกต.เชิญประชุมหารือพรรคการเมืองทุกฝ่ายที่สำนักงาน กกต. ข้อสรุปส่วนใหญ่เห็นว่าควรจะปลดล็อก 90 วัน โดยตัวแทนรัฐบาลไม่แสดงความคิดเห็น แต่พรรคการเมืองอื่นเห็นด้วย และไปกำหนดเอาวันที่ 22 ต.ค.เป็นวันเลือกตั้ง ถ้าเป็นอย่างนี้การปลดล็อก 90 วัน ที่มีคนบอกว่าเป็นวันที่ผู้แทนราษฎรจะออกจากห้องขังภายในเดือนพฤษภาคม มันก็ช้าไปแล้ว และเมื่อเลือกตั้งวันที่ 22 ต.ค.ไม่ได้เพราะตรงกับวันทำพิธีศาสนาของอิสลาม โดยตนได้คุยกับรัฐมนตรีคนหนึ่งว่าเลขาฯ ครม.แจ้งอย่างเป็นทางการแล้ว ทำไม กกต.กลับนิ่งเฉย มัวทำอะไรอยู่
นายบรรหาร กล่าวว่า ตอนนี้เดดล็อกถึงทางตัน ตนจึงอยากถาม กกต.ทั้ง 3 คนว่า ทุกวันนี้นั่งทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบประชุม มัวแต่บอกว่าจะประชุม พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ก็น่าจะรีบเรียกประชุมภายใน 1-2 วันนี้ กำหนดให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร เพราะตอนนี้ทุกฝ่ายอยากจะรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ส.ส.ทุกคนต่างกระวนกระวาย ตรงนี้เป็นการทำงานของ กกต.ที่ตนไม่เห็นด้วย อย่างน้อย กกต.รีบเรียกประชุมแล้วสรุปเพื่อส่งเข้า ครม.ให้ทันในวันที่ 30 พ.ค. เพราะขนาดนั้นก็อาจจะกำหนดวันเลือกตั้งได้ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนเข้าไปแล้ว ก็ยิ่งนานออกไป อย่างนี้เป็นการถ่วงกันหรือไม่ หรือไม่ต้องการให้ครบ 90 วัน
ถ้าจะมาเชิญพรรคการเมืองไปหารืออีก พรรคชาติไทยก็ไม่ไป ทำไปทำมาปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ กกต. ไม่ได้อยู่ที่อื่น การเลือกตั้งครั้งที่แล้วขาดความชอบธรรม ขาดความเชื่อมั่น ดังนั้น ขอร้องให้ กกต.ทั้งหมดถอยเสียเถิด และผมได้อ่านบทความของนางอารีย์ อิ้งจนิล ประธาน กกต.กลางจังหวัดกาญจนบุรี ที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์ ร้องเรียนให้เจ้านายพิจารณาถึงความชอบธรรม และความเชื่อมั่น อย่าให้บ้านเมืองเสียหายไปมากกว่านี้เลย ซึ่งผมรู้จัก กกต.ทั้ง 3 คนดี เคยทำงานร่วมกันมา เป็นคนดีมีความสามารถแล้วไฉนถึงเป็นเช่นนี้ มีอะไร ตอนนี้บ้านเมืองบอบช้ำมากแล้ว ผมอ่านข่าวก็ทนไม่ไหว เครียดเต็มที่แล้วจึงต้องออกมาพูด ซึ่งหลายคนท้วงติงผมว่าไม่อยากให้ออกมาพูด เพราะจะเป็นศัตรูกับ กกต.แต่ผมไม่กลัว ผมอายุปูนนี้แล้ว ขอทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็ว่าไม่ดี นายบรรหาร กล่าว และว่า ประเทศชาติส่วนร่วมตัวตนไม่ใช่ของเรา เกิดมาก็มาแต่ตัว ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เกียรติยศชื่อเสียงเอาอะไรมาซื้อก็ซื้อไม่ได้ ตนขอวิงวอนว่า กกต.ที่มีอยู่จงพิจารณาถอยและถอยโดยเร็ว ไม่ใช่รอสอบอีก 100 กว่าเรื่อง รับรองว่าไม่เสร็จ
มีคนบอกว่าทำไมผมไปเปิดทำสะพานให้นายกฯ ทักษิณ เข้าไปบริหารราชการแผ่นดินอีก แต่บังเอิญสื่อมวลชนน่าตำหนินิดที่ไปเขียนลงนิดเดียว แต่ไม่ลงต่อให้ยาว ผมบอกว่าบ้านเมืองในขณะนี้การบริหารของรัฐบาลนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลหลายๆ ชุดที่ผ่านมา บริหารงานโดยคนคนเดียวในลักษณะผู้ว่าฯ ซีอีโอ รัฐมนตรีแต่ละคนไม่สามารถที่จะเสนอความคิดเห็นและเป็นตัวของตัวเองได้ ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลตั้งท่านชิดชัย มารักษาการ ผมดูแล้วก็อึดอัด เดี๋ยวนายกฯ เข้า เดี๋ยวคุณชิดชัยออก มันดูแล้วว่างเว้นมาเป็นเดือน จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร พรรคชาติไทยเราก็คำนึงถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศชาติเหมือนกัน ไม่ได้คำนึงถึงการเมืองอย่างเดียวว่าจะต้องฆ่าฟันกันให้ตายไป ผมจึงบอกว่าท่านนายกฯ ไปทำงานเถิดอย่าไปเดินแถวห้างสรรพสินค้า อย่าไปตีกอล์ฟ ไปทำเพียงแค่ชั่วคราว เสร็จภารกิจมีการเลือกตั้งท่านต้องถอย เว้นวรรค หรือลาออก เพราะทั้งหมดปัญหาอยู่ที่ท่านคนเดียว ถ้าท่านอยากกลับมาใหญ่ในอนาคตท่านต้องเว้นวรรค จะกี่ปีก็แล้วแต่ นี่คือสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อวันที่ 25 เม.ย.แต่ไปลงว่าบรรหารให้นายกฯ เข้าสภาอยู่อย่างเดียว แม้แต่คุณสุริยะใสก็พูด ท่านนายกฯ ชวนก็บอกว่าให้มาถามผมเองก็แล้วกัน ซึ่งผมก็ต้องบอกว่าผมพูดไปอย่างนี้ ซึ่งการเล่นการเมืองบางทีจะเอาการเมืองมากมากก็ไม่ได้ ต้องเอาปัญหาของประเทศชาติมาดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น และจุดยืนของพรรคชาติไทยก็ยังมีอยู่ นายบรรหาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกให้ กกต.ถอยหมายความว่าเสนอให้ กกต.ลาออกใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ได้บอกให้ลาออก แต่ถ้า กกต.ทั้ง 3 คนมีทีท่าว่าจะถอยก็อย่าได้ชักช้า จะรอให้เรื่องโน้นเรื่องนี้เสร็จคงไม่ได้ แต่ถ้าเสร็จก็เสร็จแบบลวกๆ ขณะนี้คนไม่มั่นใจที่จะให้ กกต.ชุดนี้มาควบคุมการเลือกตั้ง เพราะมองแล้วว่ามีความเอนอียงเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เมื่อถามว่า กกต.ไม่ลาออกเพราะแบ็กหนุนหลังอยู่ นายบรรหาร กล่าวว่า จะไปกลัวทำไมกับแบ็ก เพราะเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน เว้นแต่จะมีความสัมพันธ์อะไรกันพิเศษ
เมื่อถามว่า แทนที่จะให้ กกต.พิจารณาตัวเองไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่จะดำเนินการได้เลยหรือ นายบรรหาร กล่าวว่า ดูกฎหมายกันจนตาเปียกตาแฉะก็ยังมองไม่เห็นว่ามีช่องกฎหมายใดดำเนินการได้นอกจากให้ กกต.ลาออกเอง ซึ่งถือเป็นจุดบกพร่องขององค์กรอิสระ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการปฏิรูปการเมืองรอบสอง กฎหมายเขียนอออกมาดีแต่ติดปัญหาที่ผู้ปฏิบัติหรือไม่ เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อรัฐบาลเสนอแปรรูปการไปรษณีย์ เมื่อแพ้โหวตในสภาก็ประกาศยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อะไรแอบแฝง แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของไทยอยากถามว่า กรณีของ ปตท.ทำให้ใครตระกูลไหนร่ำรวยกันบ้าง เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยจะออกมาขับเคลื่อนกดดันให้ กกต.ลาออกหรือไม่ เพราะช่องว่างทางกฎหมายไม่มี นายบรรหาร กล่าวติดตลกว่า จะให้หัวหน้าพรรคชาติไทยเดินนำขบวนหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้กลับเข้ามาทำงานแล้วแต่ยังมองยังไม่เต็มตัว นายบรรหาร กล่าวว่า เพราะมีคนคอยกระตุกอยู่ ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะต้องแก้ไขปัญหาในทุกเรื่องไม่ใช่เข้าไปแค่อนุมัติงบผูกกันในโครงการต่างๆ รัฐบาลรักษาการไม่ควรไปดำเนินการอย่างนั้น นายกต้องแก้ปัญหา เช่น ความไม่สงในภาคใต้ 5 ปีมาแล้วยังไม่จบ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจราคาน้ำมันก็ต้องเร่งมือ ให้รัฐมนตรีคลัง (นายทนง พิทยะ) เข้ามาดูแลกรณีที่บอกว่าเงินไปไม่ออกขอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เข้าไปดูว่าติดขัดตรงไหน รัฐบาลมีเงินแต่กลไกระดับล่าง เช่น กรมบัญชีกลางลำนักงบประมาณไม่ขับเคลื่อน เงินจึงไม่ออก 8 เดือนที่ผ่านมางานของกรมทางหลวงที่มีงบลงทุนลายหมื่นล้านไม่สามารถดำเนินการประมูลได้เลย ซึ่งตนเห็นว่าปัญหาติดอยู่ที่ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามารับผิดชอบ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว ดังนั้น แม้จะไม่เข้าทำเนียบก็สามารถสั่งการจากบ้านพิษณุโลกหรือที่อื่นๆ ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ตนเคยพูดกับนายกฯ ว่าจะต้องกระจายอำนาจให้ผู้ที่รับผิดชอบไม่ควรจะกระจุกเอาไว้
เมื่อถามว่า แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ งานแรกที่ทำกลับเป็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติด นายบรรหาร กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องทำควบคู่กันไป เรื่องปัญหาราคาน้ำมันแพง รัฐบาลมีคนเก่งหลายคนสามารถแก้ไขได้ ตนเชื่อว่าทุกอย่างแก้ไขได้ไม่ยาก เมื่อถามว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นายกฯ เพียงรับฟังรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ดังนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือ นายบรรหาร กล่าวว่า ปัญหานี้รัฐบาลยังแก้ไขได้ไม่ตก ทั้งๆ ที่ได้มีการเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้วหลายคน ปัญหาก็เป็นเรื่องเก่าๆ ที่หมักหมมมา 5 ปีแล้ว ตนเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะลงพื้นที่ทันที แต่กรณีที่ครูถูกจับเป็นตัวประกันที่ จ.นราธิวาส ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่าจะเข้าไปในพื้นที่ได้ก็เป็นชั่วโมง
วันนี้ คุณกัญจนา (ศิลปอาชา บุตรสาว) และคุณหญิง (แจ่มใส ศิลปอาชา ภริยา) ได้เดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมอาการครูจูหลิงว่าเป็นอย่างไร เท่าที่ดูข่าวน่าสงสารมาก ผมเห็นว่าการเมืองระบอบประชาธิปไตยไม่ยุคไหนสมัยไหนที่เหมือนกับสมัยนี้เลย ขนาดรัฐบาลยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ก็ยังไม่เป็นอย่างนี้ ผมกลุ้มใจอาจจะต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบก็ได้ นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนพูดอย่างทำอย่าง และเมื่อให้กลับมาทำงานอีกครั้งไม่กลัวว่าจะติดลมไม่ยอมเว้นวรรคทางการเมืองหรือ นายบรรหาร กล่าวว่า จะให้พูดอย่างไรดี คงบอกได้แค่ว่าต้องทำด้วนความบริสุทธิ์ใจ คนเราเกิดมาต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก จะไปหลงอยู่ในตำแหน่งในอำนาจซึ่งเป็นหัวโขนอยู่กับเราไม่นานไม่ได้ ถ้าใครคิดได้ก็จะสุขใจสบายกาย ปัญหาของประเทศชาติก็จะไม่มี