2 อนุ กกต.ไขก๊อกอ้างไม่สบายใจ - พี่หนา ตั้งทีมเอาผิดผลสอบรั่ว
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2549 05:57 น.
2 อนุสอบพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กยื่นหนังสือลาออก อ้างเหตุไม่สบายใจ ด้าน พี่หนา ยังข้องใจสั่ง เลขาฯ กกต.ตั้งคณะสอบผลสรุปรั่วถึงมือสื่อ ให้เวลา รุ่งฤทธิ์ ทำงาน 10 วัน ขณะที่กรรมการที่เหลือเชื่อเหตุต้องการดิสเครดิต นาม
วานนี้ (21 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ กกต.จะยังคงยืนยันให้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน สอบสวนเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา อนุกรรมการ 2 คน คือ พล.อ.เธียร ชนไมตรี และ พล.ต.ท.วิศิษฐ์ สังคหะพงษ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกทั้งจากการเป็นอนุกรรมการในชุดของนายนาม และการเป็นอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า ทั้ง 2 ระบุเหตุผลของการลาออกเพียงว่ามีความไม่สบายใจหลายอย่าง แต่ทั้ง พล.อ.เธียร และ พล.ต.ท.วิศิษฐ์ นั้น เข้ามาทำหน้าที่ในอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านโดยการเสนอของ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.และเป็นอนุกรรมการชุดนายนาม โดยการแต่งตั้งของประธาน กกต.ซึ่งการลาออกของ 2 คน จึงอาจเป็นไปได้ว่านอกจากความไม่สบายใจหลายอย่างแล้ว ยังเพราะ พล.อ.จารุภัทร ซึ่งเป็นผู้ที่ชักชวนมาได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ และประกอบกับไม่ต้องการที่จะสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งประธาน กกต.เป็นรอบที่ 3 อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ พล.ต.ท.วิศิษฐ์ นั้น เป็น 1 ในอนุกรรมการที่ถูกพรรคไทยรักไทยตั้งข้อสังเกต ว่า มีความสนิทสนมกับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ และมีผลทำให้ผลการสอบสวนที่ออกมาไม่มีความน่าเชื่อถือ
สำหรับคณะอนุกรรมการสอบสวน ทั้งชุด ประกอบด้วย นายนาม แย้มยิ้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา พล.ต.ต.บริบูรณ์ วุฒิภักดี ผู้ตรวจการ กกต. พล.ต.อดิศร จินตนพัฒน์ พ.ต.อ.ติณภัทร ภุมรินทร์ นางพรรณศิวา บูรณสถิตพร ผู้ตรวสอบภายใน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ วงศ์ไพบูลย์ พ.ต.ท.สุวิชา บุญมี รอง ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการ พ.ต.ท.อุกฤษฏ์ ภู่หริย์วงศ์สุข ผอ.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 3 สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 2 ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ นายสยาม เศรษฐวิวัฒน์ นายชัยยุทธ มังศรี นายประวิทย์ อึ้งพาณิชย์ นายอภิชาติ สอนวิชัย พ.ต.อ.ชัยทัศน์ รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 1 พ.ต.โกเมธ ประทีปทอง นายประเคียง เพียรดี ภายหลังแต่งตั้งเพิ่มเติมอีก 2 คน คือ พล.อ.เธียร ชนไมตรี พล.ต.ท.วิศิษฏ์ สังคหะพงษ์
นอกจากนี้ หลังจากที่ผลสรุปการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งหลุดไปเผยแพร่ในสื่อมวลชนนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับประธาน กกต.เป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่า น่าจะหลุดไปจากอนุกรรมการ จึงได้สั่งให้ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีผลสรุปการสอบสวนถูกเผยแพร่ไปยังสื่อมวลชน ซึ่งเลขาฯ กกต.จึงได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 พ.ค.แต่งตั้งนายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ รองเลขาธิการ กกต.ฝ่ายบริหารจัดการเลือกตั้ง เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
นายรุ่งฤทธิ์ เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า ให้ดำเนินการสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผลสรุปดังกล่าวหลุดไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนได้อย่างไร โดยให้สอบและสรุปให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ดังนั้น ในสัปดาห์นี้จะเชิญประชุมคณะกรรมการเพื่อหารือถึงแนวทางการสอบสวนว่าจะเริ่มจากตรงไหนอย่างไร เวลานี้จึงยังบอกไม่ได้ว่าพยาน หลักฐานที่จะได้นั้นจะเป็นอย่างไร
นายรุ่งฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นที่จะเชิญ นายนาม ประธานคณะอนุกรรมการมาให้ข้อมูล เพราะไม่น่าจะเกี่ยวข้อง การสอบน่าจะอยู่ในระดับเจ้าหน้าที่มากกว่า โดยจะดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ไม่ลำบากใจที่ต้องมาเป็นประธานสอบในเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะข้อเท็จจริงมาอย่างไรก็จะสรุปตามนั้น เอาไว้รอผลสรุปตอนครบ 10 วันดีกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อนุกรรมการชุดนายนาม ทราบว่า กกต.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีผลสรุปหลุดไปเผยแพร่ในสื่อมวลชน ได้สร้างความไม่พอใจ โดยมองว่า การตั้งกรรมการสอบดังกล่าวเท่ากับพุ่งเป้าว่า ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ไปยังสื่อมวลชนนั้นเป็นฝีมืออนุกรรมการ และยังเท่ากับเป็นการดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของคณะอนุกรรมการและ โดยเฉพาะตัวประธานสอบ คือ นายนาม ซึ่งตรงนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมถึงสอดคล้องกับการนำเสนอของพรรคไทยรักไทย ที่พยายามจะบอกว่า อนุกรรมการในคณะสอบหลายคนสนิทสนมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ ยังมองว่า อนุกรรมการที่มาดำเนินการสอบสวนให้จำนวนมากเป็นบุคคลภายนอก ถ้ามาทำงานให้แล้วต้องถูกสอบสวนเช่นนี้ ต่อไปใครจะอยากมาทำงานให้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันนี้ (22 พ.ค.) กกต.ทั้ง 3 คนจะเดินทางไปชั้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีมีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีที่ นายประหยัด เสมาพัฒน์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลปากนคร อ.เมือง จ.ศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่า เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยมูลฟ้องระบุว่า จำเลยทั้ง 4 คน (รวม พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายประหยัด ซึ่งเป็นการเพิกถอนสิทธิหลังพ้นระยะเวลา 1 ปี นับแต่เลือกตั้งท้องถิ่น โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดตามามตรา 97 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น โดย กกต.ได้ประกาศรับรองนายประหยัดให้เป็นนายกเทศมนตรีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2547 เมื่อนับระยะเวลาตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นให้เริ่มนับแต่วันมีประกาศรับรองผล มิใช่นับแต่วันถัดไปตามมาตรา 193/3 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น ระยะเวลา 1 ปีที่ กกต.มีสิทธิเพิกถอน คือ ต้องไม่เกินวันที่ 14 มิ.ย.2548 แต่ กกต.กลับมีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายประหยัดในวันที่ 15 มิ.ย. 2548 ซึ่งศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าการฟ้องของโจทก์มีมูลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่นายประหยัด เสมาพัฒน์ นายกเทศมนตรี ต.ปากนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 4 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่อง จากออกคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่โดยมิชอบ โดยศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้นัดไต่สวนในเวลา 13.30 น.
โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมจะเดินทางไปที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วยตัวเอง ไม่มีปัญหาอะไร รวมทั้งไม่แสดงความเป็นห่วงต่อเรื่องหลักทรัพย์ที่จะนำไปประกันตัว เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.ที่ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่าจะให้ตัวแทนไปฟังคำสั่งศาลในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แต่หากต้องไปด้วยเองก็พร้อมที่จะไปขึ้นศาล
มีรายงานอีกว่า นับจากนี้ กกต.ยังต้องเดินสายขึ้นศาลทั้งในคดีค้างเก่าและใหม่หลายคดี นับจากนี้ โดยเฉพาะในวันที่ 29 พ.ค.วันเดียวจะมีการนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีสำคัญที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.และพวก ในความผิดฐานร่วมกันกระทำความผิดโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ที่ศาลอาญา ในเวลา 09.00 น.และวันที่ 5 มิ.ย.2549 ที่ศาลอาญา จะมีการนัดไต่สวนคดีที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ รักษาการ ส.ว.อุบลราชธานี และพวก ฟ้อง กกต.ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ