ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุเหมือนกับว่ากรณีการพิจารณายุบพรรคชาติไทย มัชฌิมาธิปไตย และพลังประชาชนจะเป็นการกลั่นแกล้งจากมือที่มองไม่เห็น ว่า
ที่ท่านนายกฯพูดไปก็ต้องฟังท่าน แต่กรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯแตกต่างจากพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพราะทั้งสองพรรคนี้เป็นความเห็นของ กกต.ที่เสนอให้ศาลการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งว่าควรยุบพรรค แต่กรณีของนายยงยุทธเสนอว่าควรได้ใบแดงเป็นคนละเรื่อง ถ้าศาลเห็นว่าควรใบแดง ท่านก็ต้องวินิจฉัยแล้วแจ้ง กกต.ทราบ ซึ่ง กกต.ต้องดูว่าเหตุผลในการให้ใบแดงนายยงยุทธเกี่ยวเนื่องกับการยุบพรรคหรือไม่ ถ้าเกี่ยวเนื่อง กกต.ก็ต้องประชุม แล้วหากเห็นว่าควรยุบก็ต้องส่งไปให้อัยการสูงสุดแล้วไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ถึงตอนนั้นแล้วตนจะเป็นทนายเอง
เมื่อถามว่า ดูเหมือนนายกฯจะมีความกังวลคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นมาดำเนินการ
ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ใครๆก็กังวล วันนี้สิ่งหนึ่งที่รำคาญที่สุด รำคาญจริงๆ ก็คือเรื่องยุบพรรค เช้าก็ยุบพรรค สายก็ยุบพรรค ทั้งที่ทั่วโลกมันไม่มี ตนเขียนดุษฎีนิพนธ์ 277 หน้าศึกษาอำนาจ กกต.ทั่วโลก พบว่า กกต.ทั่วโลกไม่มีอำนาจใหญ่โตเท่า กกต.บ้านเรา นี่บ้านเมืองมันกำลังเดือดร้อน ปักษ์ใต้ก็มีปัญหา เศรษฐกิจก็แย่ ยาเสพติดระบาดถึงคอหอยลูกกระเดือก ก็พูดอยู่เท่านั้นแต่ยุบพรรค กฎหมายถ้าแปลความเป็นคุณบ้างได้ก็จะดี บ้านเมืองจะได้ไม่ยุ่ง ถ้ามายุบพรรคพลังประชาชนถามว่า ยุ่งหรือไม่ ก็บอกว่ายุ่ง เขาก็หาพรรคใหม่เข้าสังกัด แล้วจะไปทำทำไม ให้ยุ่งสับสนไม่เป็นอันทำงาน ซึ่งหากแปลความกฎหมายให้เป็นคุณก็ไม่มีอะไรขัดต่อความเป็นจริง ตามปรัชญาทางการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปและความเป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่กล้าชี้นำสังคมเพราะไม่มีบารมี คนชี้นำสังคมได้ต้องคนมีบารมี แต่ตนไม่มี