วานนี้ (20 มี.ค.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลโดยนายสมศักดิ์ เนตรมัย มีคำสั่งประทับรับคำฟ้อง
คดีหมายเลขดำที่ ลต. 38/2551 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้ ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญ ว่า ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 ด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน โดยศาลมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา และหมายแจ้งให้นายยงยุทธและ น.ส.ละออง มารับสำเนาคำร้อง และเอกสารภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหมายนี้
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และหนึ่งในทีมทนายความนายยงยุทธ กล่าวว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำมาต่อสู้ในชั้นไต่สวนของศาล
จะต้องต่อสู้กันทั้งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เนื่องจากกระบวนการวินิจฉัยของ กกต.ไม่ได้ทำอย่างครบถ้วนทุกประเด็น นายยงยุทธเคยขอให้ กกต.สอบปากคำพยานปากสุดท้าย เป็นนายตำรวจยศพันตำรวจโทใน จ.เชียงราย แต่ กกต.กลับไม่ดำเนินการ และไม่ได้ให้ความเป็นกลางและเป็นธรรมกับนายยงยุทธ กรณีที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนการทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย ไม่มีความเป็นกลาง เพราะเป็นคนสนิทของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เป็นปฏิปักษ์กับนายยงยุทธ อีกส่วนเรื่องที่นายยงยุทธพยายามที่จะขอให้ กกต.เปิดเผยซีดีจำนวน 8 แผ่นที่ใช้เป็นหลักฐาน กกต.กลับไม่ยอมอนุญาตให้นายยงยุทธได้ตรวจสอบ ทั้งๆที่ภาพในซีดีปรากฏภาพการข่มขู่ พยานด้วย อย่างไรก็ดี นายยงยุทธจะขอให้ศาลพิจารณาเรื่องนี้โดยจะให้มีการเปิดภาพที่บันทึกอยู่ในซีดีด้วย
พ.ต.ท.กานต์กล่าวย้ำอีกว่า สำหรับพยานหลักฐานที่จะนำมาไต่สวนน่าจะมีถึง 50 ปาก เพราะคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากเป็นกระบวนการใหญ่
ขณะที่ในการสอบสวนก็ได้มีการนำสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาประกอบสำนวนด้วย ส่วนเรื่องที่จะเชิญให้นางสดศรี สัตยธรรม และนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.เสียงข้างน้อย มาเป็นพยานนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องยื่นบัญชีพยานต่อศาล ตามสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหา กกต.ให้ความยุติธรรมกับเราไม่เต็มที่ บางสิ่ง บางอย่างยังละเว้นการตรวจสอบ กกต.มีสองมาตรฐานและยังมีการกั๊กบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ให้มีการตรวจสอบ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
เพราะคาดว่า กกต.มีการตั้งธงไว้ในการวินิจฉัยมีมติให้ใบแดง ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน จึงเสนอทางแก้ไขว่าเมื่อ กกต.จะดำเนินการให้มีการยุบพรรคพลังประชาชนก็ยุบไป
แต่จะเสนอให้ยุบสภาฯก่อนที่จะมีการยุบพรรคพลังประชาชนและให้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองอื่น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่าย ขณะนี้ได้มีการหารือกับ ส.ส.ภาคเหนือของพรรคแล้ว เห็นว่าหากนายยงยุทธถูกศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง จะเสนอนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลัง ประชาชน ชิงยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก่อนที่จะถูกพิจารณาให้ยุบพรรค