วันที่ 15 มี.ค. เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ
แถลงถึงผลการเยือนประเทศพม่าของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า การเยือนพม่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมในแง่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อาทิ เรื่องพลังงาน โดยเฉพาะกรณีที่บริษัท ปตท.สผ.จำกัด จะไปซื้อก๊าซธรรมชาติจากบล็อกเอ็ม 9 ในแหล่งยาดานังของพม่า โดยทางฝ่ายพม่าได้รับไปเร่งรัดสรุปสัญญาซื้อขาย ขณะเดียวกันทางพม่าได้ขอก๊าซธรรมชาติไปใช้จำนวน 60-70 ล้านลูกบาศก์ฟุต และไทยจะนำส่วนที่เหลือมาใช้ อีกทั้งพม่าได้ขอให้ฝ่ายไทยไปลงทุนในการสร้างท่อก๊าซเข้าไปในพม่า ซึ่ง ปตท.สผ.ก็จะนำไปพิจารณาต่อไป ส่วนเรื่องเขื่อนท่าซางที่พม่าให้สัมปทานการก่อสร้างแก่ไทยเกือบ 10 ปีมาแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทางฝ่ายพม่าจึงเตรียมจะยกเลิกสัมปทานดังกล่าว ฝ่ายไทยจะนำเรื่องนี้มากระตุ้นภาคเอกชนให้รีบเร่งดำเนินการ
นายนพดลกล่าวว่า สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด
ซึ่งทั้ง 2 ประเทศให้ความร่วมมือต่อกัน โดยมีการตั้งศูนย์โครงการพัฒนาทางเลือก เช่น การให้ความรู้การปลูกพืชทดแทนพืชที่ใช้ผลิตยาเสพติด นอกจากนี้ พม่ายังให้ความร่วมมือกับไทยในการไปตรวจสอบสัญชาติชาวพม่า ซึ่งมีแรงงานชาวพม่าในไทยประมาณ 2 ล้านกว่าคน โดยไทยจะไปตรวจสัญชาติชาวพม่าในประเทศพม่าตามข้อตกลงของพม่า
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับนายอ่อง ยาน วิน รมว.ต่างประเทศของพม่า
โดยได้ย้ำว่าไทยให้กำลังใจพม่าและขอให้พม่าให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่ง รมว.ต่างประเทศของพม่ายินดีรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ไทยเคยทำ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่นายอิบมาฮิม กัมบารี ผู้แทนยูเอ็น เคยยื่นข้อเสนอแก่พม่า อาทิ การเสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคจากยูเอ็น และขอให้ยูเอ็นส่งผู้สังเกตการณ์อิสระเข้าไปในพม่าในช่วงการออกเสียงประชามติ แต่พม่าได้ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด แต่พม่ายินดีรับฟังข้อเสนอของไทยที่ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังแสดงความยินดีกับพม่าที่จะทำตามแผนสร้างประชาธิปไตยในพม่า 7 ขั้น ซึ่งพม่าจะมีการจัดออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่พม่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในปี 2553 อย่างไรก็ตามฝ่ายไทยยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของพม่า
นายนพดล กล่าวถึงการไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจะออกเดินทางไปในวันที่ 16 มี.ค.นี้ โดยจะแวะไปประเทศอังกฤษ
เพื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและพบปะนักธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ว่าไทยเป็นประชาธิปไตย พร้อมเปิดกว้างต้อนรับนักลงทุน จากนั้นจะเดินทางยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะพบปะกับนางคอนโดลิซา ไรซ์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะพูดคุยกันในหลายเรื่องที่สหรัฐอเมริกาให้ความสนใจ และตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ รวมถึงปัญหาของพม่า ตลอดจนขอบคุณการที่สหรัฐฯมีไมตรีที่ดีกับไทยทันทีที่เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยสหรัฐฯได้คืนความช่วยเหลือทางทหารแก่ไทย อีกทั้งจะเชิญประธานาธิบดีสหรัฐฯในการมาเยือนประเทศไทยด้วย นอกจากนี้จะไปพบที่ปรึกษาสภาความมั่นคงของสหรัฐฯ และองค์กรด้านยุทธศาสตร์ จากนั้นจะพบปะกับนักธุรกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สหรัฐฯ เห็นว่าตอนนี้ไทยมีรัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตย ยินดีที่จะสานความสัมพันธ์กับสหรัฐฯต่อไป ในกรอบความร่วมมือต่างๆเพื่อปูทางให้นักธุรกิจสหรัฐฯเดินทางมาลงทุนในประเทศไทย ที่จะเดินทางมาในเดือน เม.ย.นี้
ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปประเทศอังกฤษจะมีการพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
เพื่อหารือถึงกรณีคดีที่พรรคพลังประชาชนถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย รมว.ต่างประเทศตอบว่า คงไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่มีกำหนดพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะพ.ต.ท.ทักษิณอาจจะอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ขณะที่ตนจะอยู่ประเทศอังกฤษแค่ 2 วัน เมื่อถามว่าจะถือโอกาสไปพูดคุยทำความเข้าใจกับนายกิตติ วะสีนนท์เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษด้วยหรือไม่ เพราะมีข่าวว่านายกิตติจะถูกโยกย้ายด้วย นายนพดลตอบว่า การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่จะมีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่น่าจะมีชื่อนายกิตติ และตนก็ไม่ได้มีอะไรต้องเคลียร์ใจ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาทางใจ ขอให้นายกิตติสบายใจได้
รมว.ต่างประเทศกล่าวถึงกรณีกลุ่มฮิวแมน ไรต์วอตช์ อภิปรายถึงนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของไทยว่า
ไทยขอบคุณในความห่วงใยขององค์กรนี้ในเรื่องการเสียชีวิต 2,500 คน ในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ขอย้ำว่ารัฐบาลไทยในอดีตไม่เคยมีนโยบายในการไปสังหารหรือฆ่าตัดตอนใครเพื่อให้ยาเสพติดลดน้อยลง แต่ถ้ามีการเสียชีวิตในระหว่างนั้น ก็ควรไปสอบสวนตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นการสังหารระหว่างกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดด้วยกันเอง เพื่อตัดตอนไม่ให้ไปถึงผู้ค้ารายใหญ่ หรือเป็นการสังหารของเจ้า-หน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จงใจไปสังหารผู้ค้ายาเสพติด ขอยืนยันว่าไม่มีนโยบายของรัฐบาลไทยชุดใดทำเช่นนั้น อยากบอกว่ารัฐบาลกำชับและใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เกิดการเสียชีวิตในลักษณะที่เป็นการฆ่าตัดตอน อีกทั้งจะปฏิบัติตามกรอบกฎหมายและหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการแจกเอกสารแนวทางการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ผู้ค้ายาเสพติดมีสิทธิที่จะขึ้นศาลและได้รับความยุติธรรมตามกระบวนการ และถ้าผิดก็ต้องถูกจำคุก โดยไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือการฆ่าตัดตอนอย่างเด็ดขาด
นพดล แจงผลสำเร็จเยือนพม่า
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday