ทรท.อ้างสื่อสารสัตยาบันผิดต้นตอคว่ำบาตร-ขู่ปชช.ต้องใช้สิทธิ์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2549 12:01 น.
ทักษิณ ท่องประชาธิปไตยตั้งแต่เช้า ส่ง ลูกน้องข้างกายร่ายยาวชี้แจงยาวเหยียดอ้างสื่อสารกันผิดพลาดทั้งที่ทรท.เตรียมลงสัตยาบันแก้ไขรัฐธรรมนูญปฏิรูปการเมืองกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่แล้วเชียว วอน 3 พรรคกลับลำ แต่อีกทางหนึ่งเดินหน้าหาความชอบธรรมด้วยการเลือกตั้งต่อ ขณะเดียวกันยังไม่วายขู่ประชาชนต้องไปใช้สิทธิ์ในวันที่ 2 เมษายนนี้ ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย
วันนี้ (28 ก.พ. ) เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวสั้นๆว่า เป็นเรื่องธรรมดาของประชาธิปไตย เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านคว่ำบาตรเลือกตั้ง
น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคไทยรักไทยจะเดินหน้าต่ออย่างไรในการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองขณะนี้ ว่า คิดว่าสิ่งที่พรรคไทยรักไทยทำดีที่ดีสุดแล้ว มีข้อเสนอต่างๆมุ่งแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยยึดกรอบของรัฐธรรมนูญกติกาใหญ่ร่วมกัน อีกทั้งพยายามหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ก็ต้องการให้ทุกอย่างคลี่คลายจึงได้ พยายามที่จะมีการปรึกษาหารือ ถ้าหากมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หรือเข้าใจผิดพลาดไปบ้าง ถ้าหันหน้ามาคุยกันในรายละเอียดเพื่อหาทางคลี่คลายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการคุยกันจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราคงไปกำหนดให้ทุกคนคิดเหมือนกันไม่ได้ เพราะแนวทางบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยมีความคิดแตกต่างหลากหลาย จึงต้องมีการปรึกษาหารือกัน อย่างเช่นเมื่อวานนี้ที่มีข้อขัดข้องในเรื่องของความเข้าใจบางประการ ความจริงท่านนายกฯได้เตรียมสัตยาบันไปแล้ว รวมทั้งร่างสัตยาบรรณที่จะไปหารือกันอยู่แล้ว แต่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอย่างไรไม่ทราบ ซึ่งตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์และผู้ใหญ่หลายท่าน ได้พยายามติดต่อกับฝ่ายค้าน แต่ติดต่อไม่ได้ และก็อาจว่าฝ่ายค้านอยู่ในที่ประชุมจังหวะตรงนั้นอาจไม่เหมาะ คิดว่าหากมีโอกาสได้พูดคุยกัน ดูถึงจุดยืนร่วมกัน ซึ่งหากดูตามเจตนารมณ์ใหญ่ๆร่วมกัน ที่จะร่วมกันคลี่คลายกับปัญหาพรรคใหญ่ 3-4 พรรค พรรคไทยรักไทยก็มีเจตนาเช่นกันที่หารือในพรรคแล้ว คิดว่ายังเป็นแนวทางที่พูดคุยกันได้
ถามแย้งว่า เมื่อวานนี้ นายกฯไม่พูดว่าเตรียมการเรื่องสัตยาบันไว้แล้วพูดแต่สัญญาประชาคม น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าขอยืนยันว่าความจริงถือในมืออยู่แล้ว เมื่อคืนนี้ถ้ามองให้ชัด จะเห็นว่าเราได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ 15.00 น. และนายกฯ เองก็ยังประชุมไม่เสร็จ เพียงแต่ว่าเมื่อได้ข้อมติใหญ่ๆ 2 ประการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการพิจารณาข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้าน 4 พรรคในเรื่องจุดยืน
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีชี้แจงอีกว่า ในเวลานั้นนายกฯ ได้ลงไปแถลงให้นักข่าวได้ทราบถึงจุดยืนของพรรคก่อน ซึ่งก็มีท่าทีชัดเจนที่จะประชุมร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรคและเห็นชอบสิ่งที่ฝ่ายค้านเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและในส่วนของพรรคไทยรักไทยเองก็มีความเห็นว่า ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแล้วก็ให้มีการทำสัญญาประชาคมด้วยเพื่อเป็นการบอกกับประชาชน ซึงระหว่างนั้น เป็นตอนท้ายของการประชุมพรรคเมื่อได้ข้อมติแล้ว นายโภคิน พลกุล และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นผู้ไปประสานติดต่อกับฝ่ายค้าน และเมื่อถึงเวลาก็ได้เดินทางไปที่รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พรรคฝ่ายค้านได้บอกปัดข้อเสนอของรัฐบาล ไม่ร่วมประชุมและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าทุกอย่างขณะนี้สิ้นสุดหรือไม่ น.พ.พรหมินทร์ ตนคิดว่าหากพูดคุยกันได้ เช้าวันนี้ (28 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้เตรียมหนังสือเชิญทุกพรรคการเมืองมาหารือเรื่องสัตยาบันอีกครั้ง ตอนนี้ก็เตรียมหนังสือให้ นายกฯลงนาม ส่วนรูปการจะคลี่คลายอย่างไร ก็อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละพรรค แต่ถามว่าฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านตรงลงกันไม่ปัญหาอยู่ตรงจุดไหนนั้น น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่ายังไม่ทราบ แต่วันนี้ จะต้องช่วยกันคลี่คลาย ในส่วนของพรรคไทยรักไทย ถือว่า กติกาบ้านเมืองยังมีอยู่ของให้ทุกคนยึดตามกรอบกติกา แล้วเดินไปตามนั้นเพื่อให้ทุกอย่างได้คลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกันใคร เพราะเราเองเป็นพรรคการเมือง ฉะนั้นจะต้องมีการส่งคนลงรับเลือกตั้ง และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญส่งเสริมการใช้สิทธิ์ตามประชาธิปไตย ให้มีการเลือกตั้ง และคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้อีกหลายเรื่อง ซึ่งชี้ชัดว่าจะเสียสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาล ที่เป็นผู้บริหารประเทศจะคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งให้เรียบร้อยโดยเร็วได้อย่างไร น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าเราก็ได้เร่งอยู่แล้ว เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายเราข้างเดียว จึงต้องมีการปรึกษาหารือกัน แต่ถ้าทุกคนตั้งอยู่บนจุดยืนอันนี้ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้ เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรทุกคนมองว่ารัฐบาลเท่านั้นที่จะปลดล็อคปัญหาต่างๆลงได้ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าจะให้ปลดอย่างไรละครับ เพราะจะปลดอย่างไร คิดว่าต้องดูข้อเสนอต่างๆให้ชัดเจนว่าจะทำได้หรือไม่ แต่มันก็ยากตรงที่ว่า เสียงของประชาชนมีมากมายหลากหลายจะทำอย่างไรให้อยู่ในจุดที่พอดี ส่วน การเมืองอย่างนี้คิดว่าวันที่ 2 เมษายน จะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น คงต้องเดินตามสิ่งที่ได้กำหนดไปแล้ว กำหนดว่าจะทำอะไรก็ต้องทำตามให้ดีที่สุด ในเมื่อกรอบกติกาบ้านเมืองเป็นอย่างนี้คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าแต่ถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย ทางรัฐบาลจะดูแลอย่างไร เราจะรักษาหน้าที่ในส่วนพรรคการเมือง ก็ส่งผู้สมัคร ในส่วนของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องดูแลเรื่องความสงบให้ตามกฎหมาย และผู้ที่จะดำเนินการอะไรก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายเช่นกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ยังเชื่อว่าทุกอย่างยังดำเนินไปได้ ส่วนประเด็นใหญ่ๆ เรื่องการตัดสินใจของกลุ่มหรือองค์กรต่างๆนั้น ร่วมทั้งพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน
ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ยืนคำขาดในวันที่ 5 มี.ค.ให้นายกฯออกจากตำแหน่งโดยไม่มีเงื่อนไข ก็เป็นข้อเสนอของฝั่งผู้ชุมนุม ส่วนรัฐบาลจะให้ความสนใจแค่ไหน เรื่องนี้ก็เป็นเสียงประชาชนที่มีส่วนกำหนด ซึ่งเราก็ต้องดูและพิจารณาทั้งหมด ซึ่งมันก็มีทั้งคนที่อยากให้นายกฯ ออก และอยากให้นายกฯ อยู่ ซึ่งเป็นความเห็นของสังคมที่มีความแตกต่างกันอยู่ก็จะต้องหาทางคลี่คลาย แต่หลักใหญ่ที่นายกฯ ได้ตัดสินใจไปแล้วด้วยการยุบสภา เป็นการทำตามกรอบกฎหมายทุกอย่าง เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน ก็รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินไปตามกรอบกฎหมายนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยชี้แจงกับสังคมทราบในเรื่องที่ตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมของผู้นำยังไม่เคยมีการตอบข้อซักถาม ทั้งที่มันเป็นเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขณะนี้ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า การที่บอกว่านายกฯ ไม่ตอบคำถามเป็นข้อกล่าวหา ขอให้ดูให้ดีว่ามีการตอบไปแล้วหลายกรรมหลายวาระ และหลายเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ แต่เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่ต้องชี้แจงซึ่งล่าสุด นายกฯ ก็ได้มีจดหมายเปิดผนึกชี้แจงต่อสมาชิกพรรคต้องเข้าใจว่าในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และฐานะนายกฯ เป็นคนละฐานะกัน ซึ่งในฐานะหัวหน้าพรรคก็ได้ชี้แจงต่อลูกพรรค สื่อมวลชนก็ได้เสนอไปแล้วระดับหนึ่ง แต่เรื่องจริยธรรมหลายเรื่องเป็นเรื่องของนามธรรม ถ้าถามว่าทำตามกรอบหรือยังมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ซึ่งเราสามารถชี้แจงได้
วันนี้เรื่องอะไรก็ตามที่ยังเป็นนามธรรมจะตัดสินกันได้ก็ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินดูว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร มิฉะนั้นแล้วจะเดินหน้าต่อกันไปไม่ได้
ส่วนที่มองว่านายกฯใช้วิธีพูดข้างเดียวตลอดเวลาไม่ยอมให้ซักถาม น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าในกลไกต่างๆ เหล่านี้ตนยืนยันว่า เมื่อซักถามกันแล้วร่วมทั้งถามตามหน่วยงานต่างกันไปมากแล้ว และมาวันนี้เมื่อเห็นสถานการณ์มีแนวโน้มไปในทางไม่ดีรัฐบาลก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว ซึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งก็มีโอกาสชี้ไปด้วย เพราะข้อกล่าวหายังอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายที่รักความสงบได้เรียกร้องให้ผู้นำเสียสละบ้างเป็นไปได้หรือไม่ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าเราเองก็อยากให้ทุกอย่างมันยุติ ถึงได้มีข้อเสนอให้มีการยุบสภา เพราะเมื่อปัญหาตกลงกันไม่ได้ก็คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งปัญหามี 2 ส่วน คือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองซึ่งเป็นเรื่องของทุกคน จะต้องมีจุดหนึ่งจะต้องให้มีใครบริหารต่อ ซึ่งการยุบสภาก็ไม่ได้หมายความว่าการยุบสภา จะได้กลับมาทุกครั้ง อย่างในอดีต เมื่อนายกฯ ชวน หลีกภัย ยุบสภา บรรหาร ศิลปอาชา ก็เข้ามาเป็นนายกฯ แต่เมื่อ คุณบรรหาร ยุบสภา พลเอกชวลิต ก็เข้ามาเป็นนายกฯ ก็เป็นแฟร์เกมเป็นเกมยุติธรรมให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน และที่ว่าการยุบสภาเป็นการคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ไม่เป็นความจริง การยุบสภาโดยไม่มีความขัดแย้งก็เคยทำมาแล้วเมื่อปี 43 สมัยที่นายชวน ยุบสภา จึงไม่อยากให้มีการพูดกันข้างเดียว น่าจะดูสิ่งที่ผ่านมาในอดีต และนำข้อเท็จจริงนั้นมาพูดดีกว่า
อย่างไรก็ตามน.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่าวันนี้ถ้าหากทุกคนเปิดให้มีการคลี่คลายปัญหา เชื่อว่า ก็จะไม่มีปัญหาอะไร และการที่นายกฯ มีการหารือกับพรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคน้อย เมื่อวานนี้ ความจริงเรามีการหารือกันเป็นประจำอย่างแล้ว 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งเมื่อบ้านเมืองมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น จึงถือว่าวันนี้พรรคการเมืองทุกพรรคมีสิทธิ์เท่ากัน จึ่งไม่น่าจะปิดโอกาสเพราะทุกคนมีสิทธิ์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และไม่ทราบว่าใครจะได้รับบ้าง ใครจะมาร่วมก็เป็นสิทธิ์ของพรรคการเมือง ดังนั้นเราจึงจะพยายามส่งจดหมายเชิญให้พรรคการเมืองทั้งหลายมาพบพูดคุยกันอีกครั้ง