คดียุบ ชท.-มฌ.ยังอืดเป็นเรือเกลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย วานนี้ (11 มี.ค.) 

ที่สำนักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้รายงานที่ประชุม กกต.ว่า ได้พิจารณาเสร็จแล้วและจะนัดประชุมเพื่อตรวจร่างความเห็น ก่อนที่จะเสนอ กกต.ในวันที่ 13 มี.ค.นี้ แต่ไม่ได้รายงานว่ามติที่ประชุมเป็นอย่างไร หาก คณะอนุกรรมการส่งมา ก็จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันที่ 18 มี.ค.นี้
 

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษร

แต่ทราบว่ามีการลงมติเป็นเอกฉันท์เหมือนกันทั้ง 2 พรรค ส่วนกระแสข่าวว่าทั้ง 2 พรรคจะถูกยุบนั้น เป็นเพียงข่าวลือ สำหรับคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ที่ประชุม กกต.มีมติให้เลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 15 วัน เพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน เพราะ กกต.บางคนยังติดใจที่นายวีระ สมความคิด ผู้ร้องระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้การสนับสนุนด้านการเงินกับพรรคพลังประชาชน จึงให้อนุกรรมการสืบสวนฯทำหนังสือเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณและนายวีระมาชี้แจงเพิ่มเติมภายใน 15 วัน หากไม่สามารถเดินทางมาชี้แจงได้ ให้ชี้แจงเป็นเอกสารหรือมอบหมายทนายเป็นตัวแทนได้ แต่หากครบ 15 วันแล้วยังไม่มาจะสรุปเรื่องนี้ทันที 

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัฌชิมาธิปไตย ว่า
 
ยังไม่ทราบเรื่อง และขณะนี้ต้องทำใจให้สบายๆ ส่วนการพิจารณาของ กกต.ใหญ่ ที่จะสอดคล้องกับผลสอบของคณะอนุกรรมการฯ นั้น ก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ แล้วแต่ กกต.จะพิจารณา คงไปก้าวล่วงไม่ได้ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจะต้องพยายามแก้ไข เพราะได้พยายามชี้แจงทุกจุดแล้ว ว่า ทางพรรคไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกสั่งยุบ พรรคพลังประชาชนก็จะถูกยุบด้วย และจะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือไม่ นายบรรหารตอบว่า เรื่องนี้คงตอบไม่ถูก ไม่มีใครพยากรณ์ได้ และไม่สามารถคาดคะเนว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอย่างไร เพราะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อายุมากแล้ว อีกหน่อยก็ไปอยู่วัดแล้ว เมื่อถามว่ามีการตั้งพรรคสำรองหรือไม่ นายบรรหารตอบว่า ไม่มี
  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในการประชุม พรรคชาติไทย หลังจากที่มีข่าวว่าทางคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต. ลงมติยุบพรรคชาติไทย

ทำให้บรรดา ส.ส.ของพรรคต่างจับกลุ่มคุยและมีการนับจำนวน ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค โดย ส.ส.ของพรรคทั้ง 2 ระบบมีทั้งหมด 34 คน เป็นกรรมการบริหารพรรค 20 คน จะเหลือ ส.ส.ที่ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคเพียง 14 คน ที่เหลือจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองหมด หาก กกต.ใหญ่เห็นด้วยกับมติยุบพรรค และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีการกล่าวหยอกล้อว่าเพิ่งเข้าสภาฯก็จะตกงาน บางคนก็แซวว่าจะไปอยู่พรรคไหนดี เพราะที่สุดก็จะถูกยุบทั้ง 3 พรรคคือ พรรคชาติไทย มัชฌิมาฯ และพลังประชาชน ขณะที่นายบรรหารกลับมีสีหน้าแจ่มใส อารมณ์ดีเหมือนไม่วิตกกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด