สมาคมฯสื่อ จวกแก๊งเชียร์พี่หนาไร้สำนึกประชาธิปไตย - งง ตร.อยู่เพียบกลับดูดาย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2549 19:08 น.
สมาคมวิชาชีพสื่อ รุมประฌามพฤติกรรมสุดถ่อยของแก๊งให้กำลังใจ พี่หนา จวก ละเมิดเสรีภาพการนำเสนอ-รับรู้ข่าวสาร ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และไร้สำนึกแห่งความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งอาจเป็นชนวนสร้างความแตกแยกในสังคมให้มากขึ้น พร้อมเรียกร้อง จนท.รัฐเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น ติง ตำรวจอยู่ที่เกิดเหตุเพียบ แต่ไม่ขยับทำอะไรสักอย่าง ขณะเดียวกัน แนะสื่อให้อดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด พ้อสื่อทำหน้าที่สะท้อนสังคมแต่สุดท้ายต้องกลายมาเป็นเหยื่อของความไม่ถูกต้อง
วันนี้ (18 พ.ค.) จากกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาข่มขู่คุกคาม ทำลายเต็นท์และข้าวของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงขับไล่กกต.ที่หน้าสำนักงาน กกต.รวมไปจนถึงทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว และกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง กกต.เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) นั้น
ล่าสุดสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว ระบุว่า ตามที่กลุ่มผู้ให้กำลังใจ พล.ต.อ.วาสนา ก่อเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้ กกต.ลาออก และได้ลุกลามมาปะทะกับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น โดยกลุ่มผู้สนับสนุน กกต.ได้ใช้ความรุนแรงในการข่มขู่คุกคามและประทุษร้ายนักข่าวทั้งทางกายและทางวาจา โดยกล่าวหาว่าเสนอข่าวไม่เป็นกลาง และมีการใช้ร่มฟาดและขว้างขวดน้ำใส่กลุ่มสื่อมวลชนด้วย
สมาคมฯขอประณามการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวอันเป็นสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญว่าด้วยสิทธิในการรับรู้ข่าวสารและเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรมและสุจริตของสื่อมวลชน นอกจากนี้ การกระทำที่ปราศจากสำนึกความเป็นประชาธิปไตยดังกล่าวยังจะเป็นชนวนก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมมากยิ่งขึ้น แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ ยังระบุด้วยว่า ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ควรใช้ความอดทนอดกลั้นในการปฏิบัติหน้าที่ และอาจป้องกันตัวได้ตามสมควรแก่เหตุ ไม่ควรใช้วิธีการตอบโต้อย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ความขัดแย้งบานปลาย ควรใช้กระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการทางสังคมเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด
ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่มีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มมาตรการดูแลคุ้มครองความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสื่อมวลชน โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้ง และขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการในขณะนี้ปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านลบที่มีต่อสื่อมวลชน และช่วยเสริมสร้างความเข้าใจของคนในสังคมที่มีต่อบทบาทและหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากการออกแถลงการณ์ดังกล่าวแล้ว ทั้งสองสมาคมฯได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.และสำเนาถึง พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.เพื่อเรียกร้องให้เข้มงวดกับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยระบุตอนหนึ่งว่า ขณะเกิดเหตุรุนแรงดังกล่าว ทั้งๆ ที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่จำนวนมากแต่กลับไม่ปรากฏว่า ได้มีความพยายามเข้าไประงับเหตุอย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งอาจเตรียมการป้องกันเหตุไว้ล่วงหน้าด้วย
ทั้งนี้ เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้มิใช่ครั้งแรก เพราะเคยเกิดกรณีนักข่าวของเนชั่น แชนนัล จังหวัดเชียงใหม่ ถูกทำร้ายร่างกายและมีการคุกคาม ผู้สื่อข่าว ช่างภาพโทรทัศน์ ทั้งข่มขู่ ด้วยวาจา เสียดสีกระทบกระทั่ง จนถึงขั้นใช้กำลังระหว่างการรายงานข่าว กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวงมาแล้ว
สมาคมฯทั้งสอง ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีสมาชิกจากสื่อทุกแขนง ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสะท้อนให้เห็นว่ามีกลุ่มคนที่นิยมการใช้กำลัง และใช้ความรุนแรงเข้าแก้ไขปัญหามากขึ้น อันอาจทำให้เหตุการณ์บานปลายจนยากจะระงับ ขณะที่สื่อมวลชนในฐานะผู้ทำหน้าที่รายงานข่าวสารข้อเท็จจริงไปสู่สาธารณะ ต้องกลายมาเป็นเหยื่อของความไม่ถูกต้องดังกล่าว สมาคมฯจึงใคร่ขอเรียกร้องมายังท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาได้มีนโยบาย หรือสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุความขัดแย้งซึ่งมิได้หมายถึงความปลอดภัยของสื่อมวลชนเท่านั้น แต่รวมถึงความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด