กกต.โดนอีกคดี อดีตผู้สมัคร ปชป.ฟ้องยกชุด ฐานทำหน้าที่มิชอบ

กกต.โดนอีกคดี อดีตผู้สมัคร ปชป.ฟ้องยกชุด ฐานทำหน้าที่มิชอบ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2549 18:57 น.

อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค ปชป.ฟ้อง กกต.ยกชุด ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ดันทุรังกำหนดเลือกตั้ง เพียง 37 วันหลังยุบสภา-จัดคูหาไม่เป็นความลับ ประเทศเสียหายกว่า 2,500 ล้าน ศาลนัดไต่สวน 7 ส.ค.นี้

วันนี้ (18 พ.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง นายอุเทน ชาติภิญโญ อายุ 54 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรปราการ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรรมการ กกต.อีก 3 คน คือ นายวีระชัย แนวบุญเนียร นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อประมาณเดือน ก.พ.2 เม.ย.2549 จำเลยได้บังอาจร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายอาญาต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ ภายหลังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2549 ซึ่งก่อนการยุบสภา นายกรัฐมนตรีจะต้องสอบถามถึงกำหนดการเลือกตั้งต่อจำเลยทั้งสี่ ในฐานะกรรมการการเลือกตั้งก่อน เพื่อกำหนดการเลือกตั้งในพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งจำเลยทั้งสี่มีหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับกำหนดวันเลือกตั้ง และจำเลยทั้งสี่ได้ให้ความเห็นแก่นายกฯ ว่าสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในกำหนด 30 วัน เป็นผลให้รัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.2549 ซึ่งวันดังกล่าวห่างจากวันยุบสภาเพียง 37 วัน ถือว่าเป็นการบิดเบือน และผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า หากมีการยุบสภาให้เลือกตั้งภายใน 60 วัน แต่ถ้ารัฐบาลอยู่ครบและสภาอยู่ครบวาระก็ให้เลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่งเจตจำนงแห่งกฎหมายต้องการให้เลือกตั้งไม่เร็วกว่า 45 วัน และไม่ช้ากว่า 60 วัน ดังนั้น การที่จำเลยให้ความเห็นว่าสามารถจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วัน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

คำฟ้องระบุอีกว่า ในการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 2 เม.ย.2549 จำเลยได้กำหนดคูหาเลือกตั้งโดยให้ประชาชนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหันหลังให้กับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนทั่วไป ทำให้บุคคลทั่วไป กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ สามารถล่วงรู้ว่าผู้ใช้สิทธิลงคะแนนกากบาทเลือกผู้สมัครคนใด

ท้ายฟ้องโจทก์ยังระบุด้วยว่า การดำเนินการเลือกตั้ง หลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา เช่น กำหนดวันรับสมัคร กำหนดการเลือกตั้งล่วงหน้า จำเลยก็ดำเนินการโดยไม่มีการประชุม หรือประชุมโดยไม่ครบองค์ประชุม เพราะโจทก์ทราบจากสื่อว่า พล.อ.จารุภัทร กกต.เดินทางไปต่างประเทศ ซี่งองค์คณะกรรมการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 136 บัญญัติว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการ และกรรมการอีก 4 คน ซึ่งการประชุมบางโอกาสจะเห็นว่า เหลือกรรมการ 3 คนบ้าง 4 คนบ้าง แต่ยังดำเนินการเลือกตั้งต่อไป โดยผิดรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติในการเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งกว่า 2,500 ล้านบาท โจทก์ต้องได้รับความเสียหายด้วย

การกระทำของจำเลยมีเจตนาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ทั้งนี้ก่อนฟ้องคดี โจทได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน แต่เกรงว่าการสอบสวนจะล่าช้าโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเอง

ศาลรับคำฟ้องไว้และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์