ศาลท้ากกต.ยื่นศาลรธน. เปิดทางใช้รธน.ม.138(3)

ศาลท้ากกต.ยื่นศาลรธน. เปิดทางใช้รธน.ม.138(3)

ศาลท้ากกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเปิดทางใช้ รธน.ม.138(3) ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหา กกต.ซ่อม 2 ตำแหน่ง เป็นห่วงแทน กกต.หากศาลรธน.ไม่เปิดช่องภายใต้เงื่อนไข กกต. 3 คนยังอยู่ในตำแหน่ง ขณะที่ศาลเชื่อหากต้องสรรหา กกต.ซ่อมจริง มั่นใจไม่มีผู้พิพากษาเสนอชื่อร่วมงาน กกต. ตามแนวทางร่วม 3 ศาล


(17พค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แสดงท่าทีต้องการให้มีสรรหา กกต.ซ่อมใน 2 ตำแหน่งที่ว่างลงโดยผ่านช่องทางการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ที่ประชุมศาลฎีกาสรรหาผู้พิพากษาเป็น กกต.จำนวน 2 คน ตามมาตรา 138 (3) ว่า ส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้ข้อเท็จจริงประการสำคัญที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ คือความชอบธรรมการดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ทั้ง 3 คนนั้นยังมีอยู่อีกหรือไม่ ซึ่งไม่ว่า กกต.จะเลือกช่องทางใดดำเนินการอีกข้อเท็จจริงนี้ก็ยังมีอยู่ต่อไป ไม่สามารถที่จะเลือนหายไปได้ ซึ่งหาก กกต. เลือกที่จะใช้ช่องทางยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการใช้รัฐธรรมนูญม.138(3) โดยศาลฎีกาเพื่อสรรหาบุคคลเป็น กกต. เสนอต่อวุฒิสภาในลักษณะสรรหา กกต.ซ่อม ทั้งที่ กกต.ชุดนี้ยังหวังที่จะดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อไป ส่วนตัวเกรงว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอาจออกมาในรูปแบบที่ไม่ได้เปิดช่องทางให้ศาลฎีกาใช้ มาตรา 138 (3) ได้โดยตรงในเงื่อนไขที่ กกต. 3 คนยังไม่ได้ลาอกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ดี ถ้า กกต.ชุดนี้ประสงค์ที่จะยื่นเรื่องตีความจริงก็เป็นที่น่าสนใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยชี้ขาดอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีองค์กรใด หรือฝ่ายใดยื่นเรื่องนี้มาก่อน

เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าวด้วยว่า ถ้าหาก กกต. ยื่นเรื่องแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้จริง ก็ยังไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาในทางใดที่จะชี้ชัดว่าต้องให้ศาลฎีกาสรรหาบุคคล หรือผู้พิพากษา สมควรเป็น กกต.จำนวน 4 คนเพื่อส่งให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือเพียง 2 คนเพื่อไปดำรงตำแหน่ง กกต.ที่ว่างลงหรือไม่ หรืออาจจะวินิจฉัยเพียงว่า จะใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (3) ได้เมื่อ กกต.ชุดนี้ที่เหลืออยู่เพียง 3 คนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อีกต่อไป ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในลักษณะที่สอง สถานการณ์ขณะนี้และผลการหารือร่วมประชุม 3 ศาลที่ผ่านมา

บ่งบอกได้แล้วว่าสถานภาพ ความชอบธรรมของ กกต.ชุดนี้ในการปฏิบัติหน้าที่มีอยู่เพียงใด ดังนั้นถ้าศาลฎีกาจะสรรหาบุคคลสมควรเป็น กกต. อาจต้องสรรหาให้ได้ 10 คน เพื่อส่งวุฒิสภาคัดเลือกเป็น กกต. ชุดใหม่ 5 คน แต่อย่างไรก็ตามถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในลักษณะแรกแล้ว คือต้องให้สรรหา กกต. ซ่อม 2 คน ศาลฎีกาอาจต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยนั้น เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร

หาก กกต. จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ศาลฎีกา สรรหาบุคคลหรือ ผู้พิพากษา เลือกซ่อมเป็น กกต. 2 คนจริง ก็น่าสนใจ ซึ่ง กกต. อาจจะลองดู และต้องติดตามให้ดีว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะอำนาจตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังไม่เคยมีคำวินิจฉัยไว้ แต่เรื่องของ กกต.ไม่ว่าจะดำเนินการในช่องทางใด ข้อเท็จจริงเรื่องความชอบธรรมที่ กกต. ทั้ง 3 คนจะปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไปหรือไม่ ก็ยังไม่หมดไป และเป็นปัญหาใหญ่ที่สำคัญที่จะต้องพิจารณามากที่สุดในปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อท่าทีของ กกต. ขณะนี้ยังไม่ลาออก แล้วที่ประชุม 3 ศาล จะมีกระบวนการทางกฎหมาย หรือวิธีการใดๆ ที่จะดำเนินต่อไปเพื่อให้มีองค์กรจัดการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ และสุจริตเที่ยงธรรม นายจรัญ กล่าวว่า ต้องย้อนถามไปว่า สงสัยว่าทำไมทุกวันนี้ยังมีคนที่ไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรมยังมีอยู่อีก ส่วนการประชุมของ 3 ศาลในเรื่องนี้ ต้องหารือกันอีกในครั้งต่อไป โดยขณะนี้ 3 ศาลจะไม่ได้ประสานที่จะกำหนดนัดประชุมครั้งที่สี่ โดยจะต้องเฝ้าดูสถานการณ์ของ กกต. ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างใดอีก แต่หาก กกต. ลาออกเมื่อใดเชื่อว่าการนัดประชุมจะเริ่มทันทีเพื่อหารือดำเนินการตามช่องทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะให้มีองค์กรจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่

ด้านนายวิรัช ชินวินิชกุล เลขานุการศาลฎีกา กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า มตารา 138 (3) จะสามารถกระทำได้หรือไม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรศาลจะปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ โดยศาลเป็นผู้รักษากฎหมายต้องทำตามที่กฎหมายระบุไว้ และแม้ว่าจะมีความเห็นแตกต่างกันอย่างไร แต่ในฐานะศาลยืนยันว่าไม่มีการเล่นนอกเกม

เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในทางว่า ศาลฎีกาสามารถสรรหา กกต. ซ่อมที่ว่างลง 2 ตำแหน่งโดยใช้อำนาจตาม มาตรา 138 (3) แล้ว ศาลฎีกาจะดำเนินการอย่างไร นายวิรัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุม 3 ศาล แสดงให้เห็นแล้วว่า ศาลไม่อาจให้ความร่วมมือกับ กกต. ชุดนี้ได้ โดยเรื่องที่จะให้ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหาผู้พิพากษาโดยตรงสมควรเป็น กกต. ที่ว่างลงนั้น อาจเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าจะต้องสรรหา กกต. แทนที่ว่างลง ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาซึ่งมีผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 86 ท่านจะเป็นผู้สรรหา ส่วนบุคลที่จะได้รับการเสนอชื่อสมควรเป็นกกต.อาจจะเป็นอดีตผู้พิพากษาที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ซึ่งการสรรหาบุคคลในกรณีดังกล่าวก็ไม่น่าจะขัดต่อแนวทางที่ศาลได้แถลงไว้ว่าจะไม่ร่วมงานกับกกต.ชุดนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อได้สอบถามความเห็นของผู้พิพากษาศาลฎีกาบางส่วนถึงช่องทางที่ กกต. จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผู้พิพากษาให้ความเห็นเป็นการส่วนตัวว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหา กกต. ซ่อมที่ว่าง 2 คน ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาอาจจำต้องประชุมเพื่อสรรหาบุคคลสมควรเป็น กกต.ให้เป็นไปตามผลของกฎหมาย แต่ในส่วนของศาลเองจะไม่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านใดเสนอชื่อตัวเองเพื่อจะให้เข้าไปเป็น กกต. ร่วมงานกับ กกต. ชุดนี้ โดยผู้พิพากษาขอให้เฝ้าจับตาการไต่สวนมูลฟ้องคดีเลือกตั้งในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ที่กกต.ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาว่า ผลการพิจารณาคดีจะเป็นเช่นไรโดยคดีดังกล่าวมีอยู่ด้วยกัน 2 สำนวน คือ 1.สำนวนที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรคประชาธํธิปัตย์ ยื่นฟ้อง กกต.ว่า ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขตรอบใหม่วันที่ 23 เม.ย.49 โดยไม่มีอำนาจ และ 2.สำนวนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องว่า กกต. กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง ม.24 ที่ไม่สืบสวนสอบข้อเท็จจริงพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัคร ส.ส. ได้อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน ซึ่งทั้งสองคดีศาลนัดไต่สวนวันที่ 29 พ.ค.นี้ 09.00 น.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์