30 ส.ว.หวั่นชาติวิกฤตซ้ำ เตรียมบุก กกต.จี้จิตสำนึกลาออก
นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2549 17:14 น.
รอง ปธ.วุฒิฯ เตรียมยกพล 30 ส.ว.บุก กกต.ขอจิตสำนึกให้ลาออก ระบุหมดความชอบธรรมในการทำงาน ชี้ผลงานที่ผ่านมาสร้างเสื่อมเสียกับชาติมาก ดักคอยึดตำแหน่งป้องตัวเองพ้นผิดไม่ได้ จวก สุชน ยื่นศาล รธน.ตีความ อีกรอบทำไมทั้งที่มติ 3 ศาลชัดเจนอยู่แล้ว ยันถ้า ส.ว.ชุดใหม่ยังไม่เรียบร้อย รักษาการ ส.ว.ทำหน้าที่คัดสรร กกต.ใหม่ได้
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ รักษาการรองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ตนและเพื่อน ส.ว.จำนวน 30 คน กำลังทำหนังสือถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะเพื่อให้พิจารณาตัวเองโดยการลาออกจากการทำงานหน้าที่เป็นกรรมการ กกต. เพราะที่ผ่านมาผลงานของ กกต.สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนและเพื่อน ส.ว.คณะเคยทำหนังถึงประธาน กกต.เพื่อระงับการเลือกตั้งที่จะเกิดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเกิดวิกฤตร้ายแรงในประเทศไทย ซึ่ง พล.ต.อ.วาสนา เพียงแต่รับเรื่องแต่ไม่ดำเนินการใดๆ จนในที่สุดการเลือกตั้งเสร็จสิ้นปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น จนผลสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้น กกต.ต้องรับผิดชอบ รวมถึงงบประมาณที่ต้องสูญเสียในการจัดการเลือกตั้งจำนวน 3 พันล้านบาท รวมทั้งความเสียหายจากการเลือกตั้งที่ทำให้ระบบประชาธิปไตยของประเทศสั่นคลอน ซึ่งความเสียหายที่ต่างประเทศมองและความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศ ไม่สามารถประเมินค่าได้
ดังนั้น ผมและคณะจึงจำเป็นที่ต้องยื่นหนังสื่อเพื่อเรียนไปยังประธาน กกต.ให้พิจารณาลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) จะเดินทางไปยื่นหนังสือด้วยตัวเอง เพราะตำแหน่ง กกต.เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติและต้องดำเนินการอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ กกต.ชุดนี้ไม่มีสิ่งเหล่านี้หลงเหลืออยู่เลย ดังนั้น จึงเตือนสติ กกต.ให้ลาออกก่อนที่ประชาชนจะมาขับไล่ นายนิพนธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ กกต.ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งเพราะต้องการสร้างเกราะป้องให้ตนเองพ้นจากคดีอาญา จากกรณีที่หลายฝ่ายร้องเรียนไป นายนิพนธ์ กล่าวว่า ถึง กกต.ยังอยู่ในตำแหน่งก็ไม่สามารถใช้ตำแหน่งคุ้มครองตนเองให้พ้นจากคดีอาญาได้ เพราะความผิดที่เกิดขึ้นเป็นคดีความที่มีในการฟ้องร้องถึงขั้นจำคุก และถึงแม้จะการกล่าวอ้างจาก กกต.ว่าความผิดที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำโดยสุจริตก็ไม่สามารถอ้างได้ เนื่องจากก่อนที่ กกต.จะดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง ก็มีหลายฝ่าย อาทิ นักวิชาการ นักกฎหมาย และผู้รู้ต่างออกมาท้วงติงว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ แต่ กกต.ไม่เคยเชื่อ จึงไม่สามารถใช้คำกล่าวอ้างว่าทำไปโดยสุจริตใจได้
เมื่อถามว่า พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ลาออกจาก กกต.ส่วน กกต.ที่เหลือสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า กกต.ต้องมี 5 คน เมื่อขาดใครคนใดคนหนึ่งไปต้องดำเนินการสรรหาใหม่ ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า กกต.เหลือแค่ 3 คน ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ รวมทั้ง 3 คนที่เหลือก็ไม่มีความชอบธรรมในการทำงานต่อไป ดังนั้น กกต.ควรจะลาออกทั้งชุด และเปิดทางให้มีการสรรหาใหม่จะเป็นการเหมาะสมที่สุด
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา และทีมที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในกรณีขอใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (3) ว่าจะสามารถให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหามาแทนกรรมการสรรหาตาม 138 (1) ได้เลยหรือไม่ว่า ตนไม่ทราบว่าทำไมต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกรอบ เพราะที่ประชุมใหญ่ 3 ศาลก็มีมติออกมาชัดเจนว่าไม่สามารถสรรหา กกต.เข้าไปเพิ่มได้ จะต้องให้มีการสรรหาใหม่ยกชุดเทานั้น การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเป็นการยืดระยะเวลาให้ยาวนานออกไปอีก ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อบ้านเมือง ตนคิดว่าหากให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่ง กกต.มาทั้ง 10 คน วุฒิสภาชุดรักษาการก็ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติและคัดเลือกไม่น่าจะใช้เวลานานเกิน 2 เดือน ก็จะได้ กกต.ชุดใหม่ที่พร้อมจะเสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
สำหรับข้อกังวลที่มีออกมาว่า ส.ว.ชุดไหนจะเป็นคนคัดเลือก กกต.เพราะขณะนี้ ส.ว.ชุดใหม่ก็ได้รับการรับรองแล้วจะมีปัญหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า หาก ส.ว.ชุดใหม่ยังไม่ได้รับการรับรองให้ครบ 200 คน ก็ให้ ส.ว.ชุดรักษาการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งการคัดสรรบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระก็เป็นหน้าที่ รัฐธรรมนูญให้อำนาจ ส.ว.รักษาการสามารถทำได้