เจิมศักดิ์ ไล่ 3 กกต.อ่าน รธน.ใหม่ ชี้ ม.136 เขียนชัดต้องครบ 5 คน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2549 15:50 น.
เจิมศักดิ์ กางกฎหมายสอน 3 กกต.จวกอ้าง ม.141 ขอทำงานต่อไม่ได้ ชี้มาตรา 136 ระบุเจตนารมณ์ชัด กกต.ต้องครบ 5 คน เตือน สุชน เลิกตะแบงสรรหาใหม่ แนะส่งเรื่องให้ที่ประชุมศาลฎีกา อย่าทำผิดซ้ำซากเหมือนกรณีสรรหาแทน จรัล เชื่อ ศาลเคลื่อนไหวไม่ใช่ข่มขู่ กกต.แต่ต้องการสางวิกฤตชาติ
วันนี้ (17 พ.ค.) นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กทม.กล่าวถึงปัญหาของการทำงานของ กกต.ที่เหลือ 3 คน ว่า ในรัฐธรรมนูญมาตรา 136 ระบุไว้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอีกสี่คน ดังนั้น แสดงว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรานี้ คือ ต้องการให้มี กกต.5 คน และมาตรา 138(1) (3) ที่บัญญัติถึงการสรรหา กกต.จากกรรมการสรรหา 10 คน และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่ต้องสรรหาให้ได้ในภายใน 45 วัน โดยเรื่องนี้บอกถึงความต้องการของกฎหมายอย่างชัดเจน ว่า ถ้ามี กกต.คนใดคนหนึ่งเกิดพ้นจากตำแหน่งไป ต้องให้มี กกต.ครบ 5 คน ภายใน 45 วันให้ได้
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในกฎหมายไม่ได้ต้องการให้กระบวนการสรรหาหยุดชะงักเหมือนกับกรณีการสรรหา กกต.แทนที่ นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี ที่เสียชีวิตไป นอกจากนี้ ในมาตรา 141 ที่ระบุถึงการพ้นจากตำแหน่งของ กกต.และให้กรรมการเท่าที่มีอยู่ทำงานต่อไปได้นั้น แสดงว่ากฎหมายต้องการให้ กกต.ที่เหลือทำงานต่อไปในระหว่างการสรรหาจนกว่าจะมี กกต.ครบ 5 คนไม่ใช่ให้กรรมการเท่าที่มี เช่น 3 หรือ 4 เท่าที่มีอยู่ทำงานได้ตลอดไป
ดังนั้น การที่ กกต.จะมาอ้างว่าตัวเองยังทำงานได้ตามมาตรา 141 ไม่ได้ แต่จะต้องไปดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 136 138 และ 141 ด้วย ที่ต้องการให้มี กกต.ครบ 5 คน และการที่ นายสุชน (ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา) จะส่งเรื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการได้เลยหรือไม่ ผมเห็นว่า ตอนนี้ก็ทราบอยู่ทุกฝ่ายแล้วว่าไม่สามารถมีกรรมการสรรหาได้ครบ ดังนั้น ทางที่ดีประธานวุฒิสภาควรจะส่งเรื่องให้ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนกับกรณีการสรรหา กกต.แทนคุณจรัล ที่ท่านเคยบอกว่า ไม่สามารถส่งเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ แต่ส่งเรื่องให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญแทน อย่างไรก็ตาม ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ กกต.ที่เหลือ 3 คน (พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร) ลาออกทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้ที่ประชุมศาลฎีกาเข้ามาจัดการเลือก กกต.ใหม่ เพราะถือว่า กกต.ที่เหลือหมดความชอบธรรมในการทำงานแล้ว นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ รักษาการ ส.ว.กทม.ยังกล่าวถึงผลหารือของประมุขทั้ง 3 ศาล (ศาลฎีกา ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ) ที่ให้ กกต.ลาออก ว่า ตนเข้าใจการทำงานของทั้ง 3 ศาล ว่า มีภารกิจต้องแก้ปัญหาวิกฤตชาติ แต่มั่นใจว่า ศาลมีวัฒนธรรมที่ดี ในการวางตัว ซึ่งการเคลื่อนไหวของศาลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการข่มขู่ กกต.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะสังกัดพรรคการเมือง นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อจากหลายพรรคการเมือง แต่ตนก็ได้ปฏิเสธทั้งหมด ซึ่งให้เหตุผลว่า เบื่อการเมืองในช่วงนี้ แต่ตนพร้อมให้คำปรึกษาด้านนโยบายพรรค ในฐานะนักวิชาการ ซึ่งในขณะนี้ได้มีพรรคประชาราชและพรรคประชาธิปัตย์ ติดต่อเข้ามา