ใคร-ที่ กกต.ยอมตายแทน? / เปลวสีเงิน
คนปลายซอย
17 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ
ข่าวบ้านการเมืองระยะนี้ผันผวนเหมือนราคาทอง ราคาน้ำมัน และราคาดอลลาร์ วานซืน-วันเดียว ราคาซื้อ-ขายทองเปลี่ยนราคาขึ้นลงถึง ๖ ครั้ง การเมืองไทยช่วงนี้ก็ปานนั้น ปั่นป่วนมากกว่า ๖ รอบซะอีก!
เหตุการณ์แรกที่ต้องนำมาอัพเดตกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านออกมาประกาศใหม่ "ผมยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่"
แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจแฮะ!
เพราะจากหนังสือลางานก็ดี จากการปฏิบัติตัวของท่านก็ดี และจากคำพูดที่ท่านเที่ยวบอกใครต่อใครว่า ว่างงานแล้วก็ดี ตกงานแล้วก็ดี ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วก็ดี
ท่านอย่าลืม คำพูดของคนเป็นนายกฯ คือ "กฎหมายสังคม" อย่างหนึ่ง ในเมื่อท่านประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้กันไปอย่างนั้นแล้ว เท่ากับตอกย้ำ-ยืนยันว่า
ท่านพ้นไปจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการแล้ว!!
เหตุการณ์ที่สองที่ต้องปรับข้อมูลให้ทันสมัยกันก็คือ พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ ๑ ใน ๔ กกต.ลาออกแน่นอนแล้วครับ เพราะนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ผู้รักษาการประธานรัฐสภา ออกมาบอกว่าได้รับจดหมายลาออกแล้วเช้านี้
หวังว่าคงไม่มีการกั๊กไว้ล็อบบี้ก่อนหนึ่งคืน เมื่อไม่สำเร็จก็จำต้องยอมรับว่า "ลาออก" แล้วนะครับ?
เหตุการณ์ที่สาม ที่ประชุม ๓ ประมุขศาลลงความเห็นว่า ที่ กกต.ประชุมแล้วลงมติเลือกวันที่ ๒๒ ตุลาคม เป็นวันเลือกตั้งใหม่ นั้น ไม่น่าชอบด้วยกฎหมาย
เพราะตามมาตรา ๘ ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง กำหนดให้มีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า ๔ ใน ๕ แต่วานซืนนี้ กกต.ประชุมกันแค่ ๓ คน ขาด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ไปหนึ่งคน
ฉะนั้น จึงไม่ถือเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย!
ถ้า ครม.รับลูกแล้วไปออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งตามนั้น ก็เท่ากับนำเอามติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปออกเป็นกฎหมาย
มันก็ยุ่งอีกแหละ!
เหตุการณ์ที่สี่ ท่านจรัญ ภักดีธนากุล เลขานุการประธานศาลฎีกา แถลงผลการประชุม ๓ ประมุขศาลครั้งที่ ๓ ย้ำอีกครั้งว่า การจัดการเลือกตั้งของ กกต.ที่ผ่านมาผิดพลาด เสียหายต่อประเทศชาติ
กกต.ที่เหลืออีก ๓ คนควรเสียสละ ลาออกเร็วเท่าไหร่ก็จะเป็นการบรรเทาความเสียหายให้กับบ้านเมืองมากเท่านั้น
และท่านจรัญย้ำหนักแน่นด้วยว่า ตราบใดที่ ๓ กตต.ยังอยู่ ศาลจะไม่เข้าไปร่วมทำงานด้วย จนกว่า ๓ กกต.ลาออก ให้มีการตั้งคณะกรรมการสรรหา จนกระทั่งมี กกต.ชุดใหม่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๓๘ (๓) นั่นแหละ
ศาลจะเข้าไปร่วมจัดการการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม
เหตุการณ์ที่ห้า ศาลปกครองท่านก็มีคำพิพากษาออกมาว่า การที่ กกต.จัดคูหาเลือกตั้งแบบหันหลังให้กรรมการนั้น "ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ" และให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ๒ เม.ย.นั้น
ครับ..จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มาถึงคำพิพาษาศาลปกครอง ถึงวันนี้แล้ว ถ้า กกต.ยังไม่รู้สึกตัวว่าได้ทำความผิดพลาด สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและสังคมแล้วละก็
แสดงว่า "ตั้งตนเหนือกฎหมาย" แล้วหละครับ!
เอาแค่ ๕ เหตุการณ์ไว้เป็นข้อมูลเพื่อการติดตามข่าวแค่นี้ก่อนนะครับ สิ่งที่ต้องตามไปดูกันก็คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ, นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร จะยอมลาออกหรือไม่?
ถ้าไม่...จะรอไปฟังบทจบที่ศาลจากคดีมากมาย อันมีคุก-ตะรางเป็นเดิมพันหรือไม่ ท่านวินิจฉัยเองได้ ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบแทนนะครับ?
และที่น่าสนใจยิ่งว่า เพราะอะไร ๓ กกต.จึงไม่ฟังเสียงสังคม ทั้งที่ล้มละลายความน่าเชื่อถือไปจากสังคมแล้ว และทั้งที่ตัวเองจัดการเลือกตั้งผิดพลาดเช่นนั้น
เอาหละ..เมื่อไม่สนใจกระแสสังคม แต่การไม่แยแสสนใจกระทั่งมติ ๓ ศาลเช่นนี้ จะมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า
๓ กกต.มีผู้ที่ตัวเอง "เคารพ-เชื่อฟัง" มากกว่าศาล-ผู้รับกระแสพระราชดำรัสมาปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง!
แต่ผมก็ยังมีความเชื่อส่วนตัวว่า ทั้ง ๓ กกต.ล้วนเป็น ข้า-ราช-การ เก่า ไม่ใช่คนป่าเถื่อนมาจากไหน ผิดชอบชั่วดีย่อมแยกแยะได้ด้วยจิตสำนึกสูงส่งของตัวเอง
จะยอมขายตัว-ขายชีวิตให้กับ "ใครบางคน" ถึงขนาดปฏิเสธสังคม ปฏิเสธศาล ทะยานไปถึงคำว่า "กล้าบังอาจ" ชนิดไม่รู้สูง รู้ต่ำ นั้น
ทั้ง ๓ กกต.คงไม่เหิมเกริมถึงปานนั้น ผมปกป้องท่านได้แค่นี้ แต่นับจากนี้ท่านต้องใคร่ครวญเองให้จงหนัก
แถมเหตุการณ์ที่ ๖ ไว้อีกนิด จากที่ กกต.เหลือ ๓ เป็นประเด็นกฎหมายที่บางท่านก็บอกว่า ถึงไม่ครบ ๕ เหลือแค่ ๑ คน ก็ยังทำหน้าที่ได้ต่อ เพราะไม่มีข้อกฎหมายระบุห้าม
แต่นักกฎหมายบางท่านก็ให้ความเห็นว่า เมื่อน้อยกว่า ๔ ก็ไม่น่าจะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ในประเด็นนี้ "นายสุชน ชาลีเครือ" ผู้ไม่สนใจความเบื่อหน่ายประชาชนต่อตัวท่าน เรียกทีมที่ปรึกษากฎหมายมาหารือ แล้วเตรียมเสนอใช้มาตรา ๑๓๘ (๓) ด้วยสาระตามแนวของเขาว่า
เหลือ ๓ ขาด ๒ ก็จะให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอชื่อมา ๔ แล้วจะเปิดวุฒิสภาเลือกให้เหลือ ๒ ไปเสียบกับ ๓ กกต.เก่า กลายเป็น ๕ กกต.ใหม่!
ครับ..ฟังดูง่ายจัง ผมว่านอกจาก ๓ กกต.ที่น่าจะมีผู้ที่ตัวเองเคารพเชื่อฟังมากกว่าศาลแล้ว นายสุชนนี่ก็อีกคน..คงไม่หนีกันเท่าไหร่ เผลอๆ จะเป็นสาวกของศาสดาคนเดียวกันด้วยซ้ำ!?
เลขานุการประธานศาลฎีกาท่านก็ประกาศครั้งแล้ว-ครั้งเล่าว่า จะไม่ร่วมทำงานกับ กกต.ชุดเก่า เว้นแต่จะสรรหาแล้วมี กกต.ชุดใหม่ทั้ง ๕ คน ศาลจึงจะเข้าไปร่วมจัดการเลือกตั้ง
แต่นายสุชน หรือที่ใครๆ เขาเรียกท่านอย่างน่ารักว่า "สุชิน" ก็ไม่สำเหนียกในประเด็นนี้ กลับทำเป็นซื่อตาใส "ต่อต้าน" มติ ๓ ศาลร่วมกับ ๓ กกต.ไปด้วย
ดูเอา..จะเป็นชะตาฟ้าดินของบ้านเมืองที่ต้องเป็นไปหรือไฉน "ข้าของแผ่นดิน" ระดับสูงเช่นนี้ กลับเห็นผิดเป็นชอบ เห็นซาตานเป็นเทพองค์ใหม่ กล้า-ท้าทายชนิดไม่รู้ต่ำ รู้สูง
หรือกลัว "ผลสอบอนุ กกต." ที่ว่าด้วยนักการเมืองใหญ่ของพรรคใหญ่ไปจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง อันมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เพราะเขาเสนอผลสอบขึ้นไปแล้ว แต่ กกต.ใหญ่กลับเก็บเรื่องไปนั่งทับเฉย
ก็เลยไม่กล้าลุก เพราะถ้าลุกให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาตามคำเสนอแนะของศาล ความผิดโทษถึงขั้นยุบพรรคจะถูก กกต.ชุดใหม่วินิจฉัยกันอย่างตรงไป-ตรงมา
เดิมพันของพรรคการเมืองบางพรรคสูงเช่นนี้ ก็จำเป็นที่ต้องพึ่งบารมี ๓ กกต.อย่าออก..อย่าออก!
เพราะอะไรเขาจึงฝากความหวังไว้กับ ๓ กกต. คงไม่ต้องจาระไนต่อนะครับ
ขอคุยเพื่อความเข้าใจเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งที่ ๒๒ ตุลา.ซักนิด เพราะบางท่านอาจสงสัยว่า..เอ๊ะ ไหนศาลรัฐธรรมนูญท่านสั่งให้เลือกตั้งใหม่ภายใน ๖๐ วัน แล้วทำไม กกต.กำหนด ๒๒ ตุลา.ซึ่งเป็นกำหนดยาวร่วมครึ่งปี!
คืออย่างนี้ครับ ๖๐ วันที่ศาลกำหนดนั้น ให้นับจากวันที่มีพระราชกฤษฎีกำหนดวันเลือกตั้ง
หมายความว่า ถ้า ครม.ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งวันไหน ก็นับจากวันนั้นไป ถ้ายังไม่ประกาศก็ยังไม่เริ่มนับ ๑-๖๐
แต่เมื่อฟังท่านจรัญ ภักดีธนากุล แถลงวานนี้ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งของ กกต.เมื่อวานนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ครบองค์ประชุม นั่นก็หมายความว่า
อดใจไว้รอฟังกำหนดวันเลือกตั้งใหม่จาก "กกต.ชุดใหม่" ดีกว่า
ครับ..การเมืองตอนนี้ จะดูกันวันต่อวันก็ยังช้าไปซะแล้ว ต้องติดตามกันชนิด "ชั่วโมงต่อชั่วโมง" นั่นแหละ แต่ผมขอย้ำ "บนดิน" ยังปั่นป่วนขนาดนี้ ให้ระวัง "ใต้ดิน" อันจะเป็นตัวแปรสถานการณ์ เพราะมัน "เตรียมการ" กันดูน่ากลัว!!