เอแบคโพลล์ ยี้ 3 กกต. ความนิยม ทรท.ลดฮวบเหลือแค่ 28%

เอแบคโพลล์ ยี้ 3 กกต. ความนิยม ทรท.ลดฮวบเหลือแค่ 28%

พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2549 12:23 น.

เอแบคโพลล์ ย้ำยี้ กกต. แต่ยังชื่นชม จารุภัทร ที่ยอมไขก๊อกรับผิดชอบ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อ 2 พรรคใหญ่เมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อตอนต้นเดือนลดลงมาก โดย ทรท.ลดฮวบจากเดิมร้อยละ 42.1 เหลือแค่ร้อยละ 28 ขณะที่ ปชป.จากร้อยละ 16.5 เหลือแค่ร้อยละ 10.3 สาเหตุจากกรณีจ้างพรรคเล็ก แต่คนเชื่อว่าไทยรักไทยอยู่เบื้องหลังมากกว่า

วันนี้ (17 พ.ค.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรต่อการลาออกของกรรมการการเลือกตั้ง และความนิยมของประชาชนต่อพรรคการเมืองในขณะนี้ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,629 ตัวอย่าง มีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2549 พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 50.6 ติดตามข่าวการเมืองทุกวัน/เกือบทุกวัน ร้อยละ 22 ติดตาม 3-4 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 17.6 ติดตาม 1-2 วันต่อสัปดาห์ ในขณะที่ร้อยละ 5 ติดตามข่าวการเมืองน้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ และร้อยละ 4.8 ไม่ได้ติดตามเลย

เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 97.5 รู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ รองลงมาคือ ร้อยละ 93.6 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจากันด้วยสันติวิธี ขณะที่ร้อยละ 77.8 กำลังรู้สึกเบื่อหน่ายต่อเรื่องการเมือง ร้อยละ 69.2 ระบุรู้สึกวิตกกังวลต่อเหตุการณ์การเมือง และร้อยละ 42.3 ระบุรู้สึกเครียดต่อเรื่องการเมือง

สำหรับข่าวการลาออกของ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ หนึ่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 59.3 ระบุทราบข่าวดังกล่าว ขณะที่ร้อยละ 40.7 ระบุไม่ทราบข่าว เมื่อสอบถามความรู้สึกต่อการลาออกของ พล.อ.จารุภัทร พบว่าตัวอย่างร้อยละ 65.4 ระบุคิดว่าน่ายกย่อง เพราะเป็นการแสดงความรับผิดชอบ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาชน เพื่อยุติปัญหาต่างๆ ทำให้บรรยากาศการเมืองดีขึ้น ขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 34.6 ระบุไม่น่ายกย่องโดยให้เหตุผลว่าถูกกดดันให้ลาออก มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทำให้ กกต.ขาดเอกภาพในการทำงาน

ส่วนความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์ของ กกต. หาก กกต.ลาออก ตัวอย่างเกินกว่า 1 ใน 3 คือร้อยละ 40.5 ระบุว่า คิดว่าการลาออกของ กกต.น่าจะทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมของ กกต.ดีขึ้น ขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 26.6 ระบุไม่คิดว่าภาพลักษณ์จะดีขึ้นเพราะเป็นแค่เกมการเมือง ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง กกต.ไม่เคยมีผลงานน่าประทับใจมาก่อนเลย และตัวอย่างร้อยละ 32.9 ไม่ระบุความคิดเห็น

เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อกรณีปัญหาการจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 24.4 คิดว่าพรรคไทยรักไทยอยู่เบื้องหลังกรณีดังกล่าว ร้อยละ 13.3 คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่ง คือร้อยละ 62.3 คิดว่าทั้ง 2 พรรคการเมืองดังกล่าวอยู่เบื้องหลังปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทั้งนี้ หากมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังกรณีดังกล่าวจริงตัวอย่างร้อยละ 53.2 คิดว่าควรยุบพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว ร้อยละ 13.3 คิดว่าไม่ควรยุบ ขณะที่ร้อยละ 33.5 ไม่ระบุความคิดเห็น

สำหรับบทบาทของอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านในการส่งผู้สมัครรับการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 71.2 ระบุควรส่งเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ควรทำตามที่พูดไว้ เป็นการแสดงศักยภาพทางการเมืองของพรรค ควรให้ความสำคัญกับระบอบประชาธิปไตย ตัวอย่างร้อยละ 4.3 ระบุไม่ควรส่ง และร้อยละ 24.5 ไม่ระบุความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือกหากมีการเลือกตั้งใหม่ พบว่าตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.6 ยังไม่มีพรรคการเมืองใดอยู่ในใจ เพราะ ณ วันนี้ยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ไม่มีพรรคไหนน่าสนใจ เบื่อพรรคการเมืองเดิมๆ ขณะที่ร้อยละ 28 ระบุจะเลือกพรรคไทยรักไทย และร้อยละ 10.3 ระบุจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์

นอกจากนี้ เอแบคโพลล์ ยังนำผลสำรวจครั้งนี้ไปเปรียบเทียบกับผลสำรวจเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า ความตั้งใจของประชาชนที่จะเลือกพรรคการเมืองที่ชอบมีแนวโน้มต่ำลงคือพรรคไทยรักไทยลดลงจากร้อยละ 42.1 เหลือเพียงร้อยละ 28 ถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี ของการเป็นรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ลดลงจากร้อยละ 16.5 เหลือเพียงร้อยละ 10.3 เท่านั้น โดยสาเหตุน่าจะมาจากกรณีเทปแอบถ่ายเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ทั้ง 2 พรรคเสียหาย และนโยบายของรัฐบาลในหลายเรื่องเริ่มแผ่วลง เช่น การจัดระเบียบสังคม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหายาเสพติด ปัญหาความยากจน ปัญหาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งปัญหาความเดือดร้อนจากสินค้าบริการและน้ำมันราคาเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้ง 2 พรรคใหญ่ต้องเร่งทำงานเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนอย่างมาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์