ขณะที่นายชวน หลีกภัย ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงว่า
สาเหตุที่ต้องลุกขึ้นพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ในที่ประชุมรัฐสภาวันแรก เพราะนายสมัครได้ย้ำและพาดพิงถึง 3-4 ครั้ง ที่พูดไปก็ไม่ได้พาดพิงถึงใคร เพราะเหตุการณ์ขณะนั้นมีคนหนุ่มสาวหลายคนที่ถูกกดดันบีบคั้น ส่วนตนบ้านก็ถูกค้น ตอนแรกคิดจะหนี แต่ก็ไม่ได้หนี ไม่ไปเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ เพราะไม่มีความคิดที่ต้องการล้มล้างสถาบัน ต่อมาในปี 2522 ได้สอบถามรอง ผบ.ทบ.ในขณะนั้นในที่ประชุมคณะกรรมาธิการปกครอง ว่ามีคนเข้าป่าเป็นจำนวนเท่าใด ได้รับคำตอบว่ามีไม่น้อยกว่า 2,000 คน หนุ่มสาวบางส่วนก็ไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ บางส่วนก็มีความบริสุทธิ์ใจจริง
ทางด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า
การชำระประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะมีมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่ขัดกันอยู่เสมอ แต่ข้อเท็จจริงบางอย่างก็มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ซึ่งตนเห็นว่าควรมีการชำระประวัติศาสตร์มารวบรวมให้สามารถอ้างอิงได้ ส่วนการหาคนกลางมาชำระประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย หากรัฐบาลทำเองจะเป็นปัญหาที่คนไม่ยอมรับ เมื่อถามว่า ดูเหมือนท่าทีของนายสมัครยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แล้วจะสามารถชำระประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า นายสมัครก็เป็นอย่างนี้มาตลอด พยายามยืนอยู่ในจุดของตัวเอง แต่บางอย่างข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ความจริงก็ไม่น่าพูดประเด็นนี้ขึ้นมา ถ้ายอมรับความผิดพลาดเรื่องก็จบ