ที่รัฐสภา วันนี้ (19 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายนโยบายรัฐบาลจนเกิดการตอบโต้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่ารู้สึกเสียดายที่ช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์ตอบโต้กับนายกรัฐมนตรี ทำให้ถูกเบี่ยงเบนประเด็น เลี่ยงที่จะตอบเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า
การที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อ และยกข้อมูลครั้งที่นายสมัคร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่สั่งปิดหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ก็เพราะว่าเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองที่ผ่านมาก็เนื่องจากการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซง คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และประชาชน ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก จึงได้กล่าวไว้ ก็เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า
แต่ภาพการตอบโต้นั้นหลายฝ่ายมองว่าเป็นการแสดงอาการก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ใช่การก้าวร้าว ไปเปิดเทปดูได้ ว่าการวางตัว การใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมเป็นอย่างไร ที่สำคัญเป็นการพูดเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ว่าอันตรายหรือความล่อแหลมในทางการเมืองยังมีอยู่และจะแก้ไขอย่างไร ถ้าเราไม่พูดกันเรื่องนี้วันข้างหน้าหากเกิดวิกฤติกรเมืองคนที่เดือดร้อนคือประชาชน นักการเมืองจะไม่เดือดร้อนเท่าประชาชน เราพยายามให้สภาที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เราต้องทบทวนบทเรียนและจำเป็นต้องเอาความจริงมาพูดถ้าเราไม่กล้าเอาความจริงมาพูด สังคมจะมีปัญหา
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
การอภิปรายเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาลวานนี้ (18 ก.พ.) ถือว่าเป็นไปด้วยดี แต่ละฝ่ายได้หยิบยกเนื้อหาสาระขึ้นมาอภิปราย ซึ่งฝ่ายค้านแสดงบทบาทอย่างสมศักดิ์ศรี ใช้ฝีมือในการอภิปรายตามกรอบกติกาไม่ลุแก่โทสะ เหมือนมวยคู่สุดยอด ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ถึงแม้จะมีวาทะทางการเมืองเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 แต่ถือว่าอยู่ในกรอบ เชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล