อีกด้านหนึ่ง ที่โรงแรมไอยราปาร์ค จ.อุทัยธานี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวางตัวสมาชิก สนช. อภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า ตัวบุคคลยังไม่เรียบร้อย จะให้คณะกรรมาธิการทุกคณะไปตกลงกันว่าจะให้ใครเป็นคนอภิปรายในประเด็นที่ศึกษามาเสนอแนะรัฐบาลว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร ส่วนรัฐบาลจะทำหรือไม่ก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตาม การศึกษานโยบายของรัฐบาลจะมุ่งเสนอแนะมากกว่าวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก รัฐบาลก็ต้องเป็นผู้กำหนดนโยบาย จะไปว่ามากก็ไม่ได้
สำหรับผลการสัมมนาเพื่อสรุปผลงานของคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญ สนช. ในวันที่สองนั้น มีการสรุปผลการทำงานต่างๆ รวม 91 เรื่อง
ในจำนวนนี้เป็น เรื่องที่เสนอต่อ สนช.แล้ว 85 เรื่อง อาทิ รายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญการปฏิรูปการเมืองที่แสดงความกังวลว่าการตั้งตัวแทนของศาลต่างๆ มาเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.จะนำไปสู่คำถามที่ว่าองค์กรดังกล่าวจะรับผิดชอบต่อการสรรหา ส.ว.มากน้อยเพียงใด เนื่องจากในอดีตการเมืองอยู่ห่างไกลจากศาล แต่ปัจจุบันมีความพยายามดึงศาลให้มาเกี่ยวข้องการเมืองมากเกินไปหรือไม่
นอกจากนี้ ยังได้รายงานความเห็นเกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่สร้างความเข้มแข็งในระบบตรวจ สอบอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เช่น ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษย-ชนแห่งชาติร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือให้ผู้ตรวจการ-แผ่นดินของรัฐสภาไต่สวนเรื่องการละเมิดจริยธรรมได้ หากเป็นการละเมิดร้ายแรงก็เป็นเหตุให้ถอดถอนได้ แน่นอนว่าทุกนโยบายทุกการตัดสินใจของรัฐบาลและระบบราชการย่อมมีผู้เสียประโยชน์ จะต้องถูกร้องเรียนหรือฟ้องร้อง และหากมีมากเกินไปจะทำให้รัฐบาล ข้า-ราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่กล้าตัดสินใจทำเรื่องใดๆ ที่อาจทำให้บุคคลเสียประโยชน์ได้ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ