ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้วางตัวแกนนำพรรคและ ส.ส.ในทีมแยกอภิปรายในแต่ละหมวด ดังนี้ เตือน“ลุงหมัก”ระวังขัดรธน.
1.นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิตจะใช้เวลาอภิปราย 2 ชั่วโมงครึ่ง มีนาย เจริญ คันธวงศ์ เป็นหัวหน้าทีม 2.นโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศจะใช้เวลา 4 ชั่วโมง มีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าทีม 3.นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ มีนายวิฑูรย์ นามบุตร เป็นหัวหน้าทีม 4.นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จะใช้เวลา 30 นาที มีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นหัวหน้าทีม 5.นโยบายความมั่นคงของรัฐ บริหารจัดการที่ดี และปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นหัวหน้าทีม โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่างนายชวน หลีกภัย จะอภิปรายในประเด็นความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ซึ่งจะอภิปรายในหมวดนี้ด้วย
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีนายสมัครกล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครว่าหากไม่เสนอข่าวขึ้นเงินเดือนข้าราชการมันจะเป็นจะตายหรืออย่างไรว่า อยากย้ำว่าในมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุไว้ชัดเจนว่าการห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวสาร แสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้จะกระทำไม่ได้ จึงขอเตือนนายกฯ ว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นที่ส่อให้เห็นว่าขัดต่อเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ และอยากให้นายกฯ เคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า การหยุดจัดรายการของนายเจิมศักดิ์ น่าจะเป็นการกระทำที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
เพราะคงไม่มีผู้ดำเนินรายการวิทยุใดอยากจะหยุดจัดรายการที่ดำเนินมานานโดยไม่มีเหตุผล การกระทำในลักษณะนี้เชื่อว่าน่าจะมีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจในทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อจะเป็นบ่อเกิดของการนำไปสู่วิกฤติทางการเมืองไทยเกือบทุกครั้ง