สุเทพไม่เชื่อกกต.เที่ยงธรรมหนุนพันธมิตรฯร่วมขับไล่
สุเทพ ระบุ ไม่เชื่อมั่นกกต.เที่ยงธรรม หนุนพันธมิตรฯขับไล่ ยันปัญหาไม่ยุติหากกกต.ยังทำหน้าที่ ด้านพันธมิตรใต้ล่า 50,000 รายชื่อถอดถอน ประกาศนัดเคลื่อนพลใหญ่ 20 พ.ค.นี้ที่ลานรถไฟหาดใหญ่ ด้าน "หมอเกรียง" ผุดสถานีวิทยุชุมชนพันธมิตรเกณฑ์คนร่วมปฎิรูปการเมือง
(15พค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีมติให้มีการออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งในวันที่ 22 ส.ค. และกำหนดวันที่เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 22 ต.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ได้ หาก กกต.ชุดนี้ยังดึงดันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะตนไม่มีความเชื่อถือ กกต.ชุดนี้ และเห็นว่าไม่มีความชอบธรรมที่จะทำหน้าที่ต่อไป ตนจึงได้ฟ้องคดีอาญาต่อ กกต. ซึ่งเท่ากับว่าขณะนี้เป็นคู่กรณีกับ กกต.แล้ว อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเคลื่อนไหวขับไล่ กกต. และคิดว่าประชาชนทั่วประเทศก็ควรจะทำเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะ กกต.ชุดนี้สงสัยจะเอาไว้ไม่ได้
ลองคิดดูว่า หากสู้คดีกับผมไป วันที่ 29 พ.ค.ศาลนัดไต่สวน ศาลสั่งมีมูลฟ้อง กลายเป็นจำเลย แล้วหากการพิจารณารวดเร็วบางทียังเลือกตั้งไม่เสร็จแล้ว กกต.ติดคุกหมดจะทำอย่างไร และผมจะหวังความสุจริตเที่ยงธรรมกับ กกต.คงไม่ได้แล้วเพราะเป็นคู่กรณีกันไปแล้ว และจะเห็นว่า กกต.พยายามพูดเบี่ยงเบนเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กว่า บางทีคนร้องเรียนอาจจะติดคุกเสียเอง แล้วในที่สุดก็สอดคล้องกับสิ่งที่พรรคไทยรักไทยกำลังทำ อย่างนี้ผมไม่เชื่อในความสุจริตเที่ยงธรรมแล้ว เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่พรรคไทยรักไทยตั้งข้อสังเกตเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมประชุมเพราะต้องการยืดเยื้อเวลาออกไปเพื่อให้เกิดปลดล็อค 90 วัน นายสุเทพกล่าวว่า พรรคไทยรักไทยกับ กกต.พูดจาสอดคล้องกันเกือบทุกเรื่อง และขอยืนยันว่าเหตุที่พรรคไม่ไปร่วมกับ กกต.เพราะพรรคเห็นว่า กกต.ชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะทำหน้าที่ต่อไปแล้วและพรรคไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องไปเป็นคนกำหนดวันเลือกตั้งร่วมกับ กกต. ซึ่งการพูดของ กกต.เป็นเพียงการแก้เกี้ยวสร้างภาพไปอย่างนั้นเอง และที่จริงควรจะเป็น กกต.ที่ออกมาต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลายเป็นพรรคไทยรักไทยออกมาต่อว่าแทน เหมือนเป็นคู่หูเพื่อนตายกันจริงๆ
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การจะปลดล็อค 90 วันหรือออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งหลังจากนี้โดยให้ครบเวลา 90 วันหรือไม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่าตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกตั้งจะต้องสุจริต เที่ยงธรรม และมีเวลาให้ผู้สมัครทุกฝ่ายเตรียมตัวได้ แต่บางช่วงบางเวลาบางบรรยากาศของประเทศไทยในปีนี้ ไม่ควรให้มีป้ายหาเสียงด้วยซ้ำ เช่นช่วงที่จะจัดงานเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ควรจะมีเวทีปราศรัย ไม่ควรจะมีป้ายให้รกหูรกตาด้วยซ้ำ ซึ่งขณะนี้เสียเวลามาหลายเดือนแล้ว หากจะต้องเลื่อนเวลาไปอีกหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัว แต่ในส่วนของพรรคคงไม่ติดใจเรื่อง 90 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการเตรียมการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพกล่าวว่า พรรคเตรียมอยู่เรื่อยๆ เพราะตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะร่วมมือเมื่อทั้ง 3 ศาลจะได้ปฏิบัติงานสนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างไร พรรคก็จะร่วมมือ ซึ่งวันนี้ (15 พ.ค.) ได้มีการประชุมคณะทำงานคัดเลือกผู้สมัคร และหากใครสนใจจะมาสมัครก็ยังไม่สาย โดยในขณะนี้พรรคมีบุคคลที่มีชื่อเสียงติดต่อเข้ามาทำงานแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้เยอะมาก เพราะพรรคไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 80-90 คนเหมือนพรรคไทยรักไทย และคิดว่าประมาณ 40-50 คนก็ดีใจแล้ว ส่วนจะมาจากอาชีพไหนบ้างขอยังไม่เปิดเผย เพราะยังไม่ทราบวันเลือกตั้ง และคิดว่าหากวันเลือกตั้งยาวนานออกไป อาจจะมีคนมาร่วมกับพรรคมากขึ้น และบางคนที่ประกาศไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ครบ 90 วัน
สำหรับกรณีที่พรรคไทยรักไทยจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับพรรคประชาธิปัตย์ฐานอยู่เบื้องหลังกลุ่มอีสานกู้ชาติให้ล้มการเลือกตั้งและจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคไทยรักไทยคงดิ้นรนเบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งเรื่องจริงก็คือพรรคไทยรักไทยทำความผิดทุจริตการเลือกตั้ง ไปว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายกรณีที่สมัครคนเดียวจะต้องได้คะแนนร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และการกระทำดังกล่าวถือเป็นการทุจริตต่อการเลือกตั้ง ผิดกฎหมายอาญาและผิดรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคเล็กต้องไปแปลงเอกสารและแปลงฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของ กกต. ซึ่งคณะอนุกรรมการของ กกต.ได้สอบสวนแล้วและรายงานชัดเจนว่าการกระทำของผู้บริหารพรรคไทยรักไทยเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ได้อำนาจปกครองประเทศ โดยไม่คำนึงถึงวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และอาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ขัดกฎหมาย ขัดศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งเหตุผลนี้อาจนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยได้ แต่ความจริงตนไม่เคยไปเรียกร้องให้ยุบพรรคไทยรักไทย เพียงแต่ไปร้อง กกต.ว่าทำทุจริตเลือกตั้ง แต่พอเรื่องนี้ปรากฎชัดเจน พรรคไทยรักไทยก็ดิ้นรน แล้วมาเปิดเกมใหม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนว่าจ้างพรรคเล็กให้ล้มการเลือกตั้ง
พี่น้องประชาชนลองคิดดูว่า พวกผมไปล้มการเลือกตั้งเพื่ออะไร พวกผมจะไปจ้างพรรคล็กๆ ให้ล้มการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์อะไร เพราะวันนี้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ก็เป็นโมฆะไปแล้ว พวกผมยังไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่การกระทำของพรรคไทยรักไทยชัดเจน เพื่อประโยชน์ที่จะได้อำนาจปกครองประเทศ เป็นคำที่คณะอนุกรรมการระบุชัดเจน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติไปคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อชีวิตที่ดีกว่า แล้วมีตำรวจไปอัดวีซีดีมา เกี่ยวโยงกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายไทกรไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคหรือกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งไม่ได้เป็นกรรมการชุดไหนของพรรค ไม่ว่าคณะไหนทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่านายไทกร เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จริงแล้วลาออกไปหลายปี และกลับมาสมัครใหม่เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง และพรรคมีสมาชิกเช่นนี้ 4 ล้านคน ดังนั้นถ้าสมาชิกแต่ละคนทำอะไร ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกคนนั้น แต่ตนทราบว่า พรรคไทยรักไทยพยายามจะโยงเอาสมาชิกคนใดคนหนึ่งมาแล้วพยายามให้ถือว่า เป็นความรับผิดชอบของพรรค
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีคนโทรศัพท์มาแจ้งให้ตนทราบว่า วันนี้ (15 พ.ค.) จะมีคนของพรรคพัฒนาชาติไทยคนหนึ่งซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่มีสิทธิเพราะปลอมแปลงเอกสารแล้วจะไปให้การกับ กกต. แล้วมีการนัดแนะว่าบุคคลดังกล่าวจะให้การว่าได้รับเงินโดยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์โอนให้ 1 แสนบาท ซึ่งคนที่โอนให้เป็นน้องสาวของผู้สมัครพรรคพัฒนาชาติไทยคนหนึ่ง แต่น้องสาวให้สามีไปโอนแทน และบังเอิญสามีเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขอยืนยันว่า เป็นความพยายามที่จะสร้างเรื่องเบี่ยงเบนให้ประชาชนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปว่าจ้างพรรคเล็กให้ล้มการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคไทยรักไทยท้าว่าหากนายสุเทพ ไม่เกี่ยวข้องกับนายไทกร ก็ควรจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายไทกร นายสุเทพกล่าวว่า ทำไมตนจะต้องเชื่อฟังพรรคไทยรักไทยด้วย และคิดว่าไม่ใช่เฉพาะนายไทกร แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่พยายามล้มล้างหรือต่อต้านระบอบทักษิณ ตนควรจะต้องขอบคุณด้วยซ้ำ จะไปเล่นงานนายไทกรทำไม เพียงแต่ยืนยันว่านายไทกร ไม่ได้ทำตามคำสั่งของตนและพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตั้งข้อสังเกตว่านายไทกร จะนำเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่จากนายสุเทพ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายไทกรเพิ่งมารู้จักกับตนเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วอยู่ ๆ จะมาต่อว่าว่านายไทกร ใช้เงินจากกระเป๋าของตน ก็เกินไปหน่อย และขอให้กลับไปดูว่านายไทกร เป็นนักเคลื่อนไหวที่ร่วมเวทีพันธมิตรและรวบรวมคนอีสานกู้ชาติมาร่วมชุมนุมอยู่แล้ว ดังนั้นขออย่ากล่าวหากัน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความเห็นของประชาชนที่ระบุว่าเบื่อการเมืองที่มีการกล่าวหากันไปมาว่า การกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้น พรรคไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีใคร แต่ทำตามหลักฐาน ส่วนที่พรรคไทยรักไทยทำเพราะดิ้นรนหนีความผิด หรือกลบเกลื่อนความผิดซึ่งตนก็เห็นใจพี่น้องประชาชน และคิดว่าศาลทั้ง 3 ศาลกำลังทำหน้าที่หาทางออกให้กับประเทศอยู่.
ด้านนายเอกชัย อิสระทะ แกนนำพันธมิตรกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตยสงขลา ในฐานะรองโฆษกพันธมิตรภาคใต้ เปิดเผยว่า ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะร่วมกับประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ล่ารายชื่อ 50,000 คน เพื่อยื่นถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบันข้อหาจัดการการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 มิชอบตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยจัดคูหาเลือกตั้งในลักษณะที่ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับ และจัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและยุติธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อร่วมปฎิรูปการเมืองโดยภาคประชาชน
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายแพทย์เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหัวหน้าทีมชุดดำเนินการล่ารายชื่อภายใต้กระบวนการที่กฎหมายกำหนดใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คือ การลงรายชื่อโดยการกรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบหลักฐานที่เป็นเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเป็นหลักฐานยื่นพิจารณา โดยรูปแบบการล่ารายชื่อจะมีทั้งการขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานและองค์กรต่างๆที่ต้องการมีส่วนร่วมปฎิรูปการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ และตั้งโต๊ะเปิดลงรายชื่ออย่างเป็นทางการ โดยจะนำร่องเปิดตั้งโต๊ะครั้งแรกวันที่ 20 พฤษภาคม นี้ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งจะมีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่อีกครั้งหลังจากที่เว้นวรรค
"การล่ารายชื่อ 50,000 คนครั้งนี้ จะเน้นการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายทุกขั้นตอนเพื่อให้มีผลทางกฎหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น บุคคลที่ลงรายชื่อจะต้องกรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบหลักฐานที่เป็นเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเป็นหลักฐานยื่นพิจารณา ซึ่งจะแตกต่างจากการล่ารายชื่อที่ผ่านมาที่ทำกันแบบชาวบ้านเพราะต้องการสร้างความพร้อมให้กับภาคประชาชนในการปฎิรูปการเมืองที่ต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายกำหนด" นายเอกชัย กล่าว
นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้กลุ่มพันธมิตรภาคใต้จะเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อปฎิรูปการเมืองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยแต่ละจังหวัดได้เริ่มนัดหมายจุดชุมนุม โดยที่จ.สงขลานัดหมายการชุมนุมที่หน้าสถานีรถไฟทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเปิดเวทีการมีส่วนร่วมปฎิรูปการเมือง นอกจากนี้มีโครงการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนจังหวัดสงขลาอีกช่องทางหนึ่งด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะตั้งสถานีวิทยุชุมชนใหม่หรือจะร่วมกับสถานีวิทยุชุมชนเดิมที่มีอยู่แล้วเพื่อปรับทิศทางการดำเนินการใหม่ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทราบผล
"การต่อสู้เพื่อการปฎิรูปการเมืองต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่จะเคลื่อนไหวไปควบคู่กับองค์กรเอกชนและพันธมิตรภายใต้กรอบกฎหมาย ดังนั้นนับจากนี้การเคลื่อนไหวของพันมิตรจะต้องเป็นไปอย่างมีขั้นตอนและรูปธรรมชัดเจนเพื่อนำไปสู่การดำเนินการที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงปฎิบัติได้ ล่าสุดได้แจ้งรายละเอียดไปยังแกนนำพันธมิตรทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ให้ปรับกระบวนการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว" นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าว