นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการพัฒนาสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 ตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรีว่า
การปรับปรุงสถานี โทรทัศน์ช่อง 11 เป็นหนึ่งในแผนงานที่จะตั้งคณะกรรมการมาประเมินการทำงานสื่อของรัฐ เพื่อจัดระบบและพัฒนาอยู่แล้ว เมื่อนายกฯให้นโยบายเรื่องนี้มา ก็คงต้องจัดลำดับความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งน่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ เนื่องจากมีบุคลากร เครื่องมือ และเทคโนโลยีครบอยู่แล้ว ถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องดูภาพใหญ่ทั้งหมด ทั้งเครื่องมือ รวมถึงบุคลากร จะบอกว่าไม่เปลี่ยนอะไรเลยก็คงไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์หรือไม่ นายจักรภพตอบว่า
“เอาเป็นว่าผมกำลังพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน หากจะมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน ถ้าผมไม่ได้ดูอย่างพินิจพิเคราะห์ก็คงมีการเปลี่ยนไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้มาเล่นงานอย่างนี้หรอก” ผู้สื่อข่าวถามว่าเล่นงานเรื่องอะไร นายจักรภพตอบว่า “105 ไง”
นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลสั่งให้ถอดรายการ “มุม มองของเจิมศักดิ์” ออกจากคลื่นเอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิรตซ์
เนื่องจากไม่พอใจที่นายเจิมศักดิ์ ปินทอง ผู้ดำเนินรายการ วิพากษ์วิจารณ์นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า การถอดรายการดังกล่าวเป็นการออกไปเองของนายเจิมศักดิ์ ไม่มีใครสั่งการ ทั้งตน นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวถามว่า การยุติการจัดรายการดังกล่าว ไม่ใช่เพราะการไปวิจารณ์นายสมัครใช่หรือไม่ นายปราโมชตอบว่า หลักการง่ายๆหากการจัดรายการพูดในภาพลบของรัฐบาลตลอดเวลา ในขณะที่รัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงาน แล้วสื่อในคลื่นวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ไปโจมตี ก็ต้องมาหารือกันว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ยอมรับว่ามีการพูดขอร้อง นายเจิมศักดิ์แบบกันเองว่าช่วงนี้พูดเพลาๆลงได้หรือไม่ซึ่งนายเจิมศักดิ์บอกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ขอถอนตัวดีกว่า
นายแสงชัย อภิชาติธนพัฒน์ ประธานกรรมการบริษัท ฟาติมา จำกัด เจ้าของรายการ “มุมมองของเจิมศักดิ์” กล่าวว่า
19 ปีที่ผ่านมา บริษัททำธุรกิจวิทยุความเป็นกลาง แต่ได้มีการหารือกันภายในบริษัทว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติ นายเจิมศักดิ์ได้แสดงน้ำใจขอยุติการจัดรายการเองเพื่อความสบายใจ ปชป.ติวเข้ม ส.ส.ซักฟอกนโยบายรัฐ
วันเดียวกัน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 6 องค์กรประกอบด้วย
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ ถึงรัฐบาลโดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.รัฐบาลต้องไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2.รัฐบาลควรให้โอกาสทุกฝ่ายใช้สื่อของรัฐในการนำเสนอ ความคิดความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับที่ นายก รัฐมนตรีมีรายการ “พูดจาประสาสมัคร” 3.ในการเข้ามา จัดระบบสื่อของรัฐ รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่ต้องมีคณะกรรมการ ที่เป็นอิสระ หรือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคม (กสทช.) เข้ามาทำหน้าที่จัดสรร และกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 4.รัฐบาลสมควรให้การสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ สาธารณะไทยพีบีเอสอย่างเต็มที่ และไม่ควรเข้ามาแทรกแซง การทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง