ปชป.โต้ เจ๊หน่อย ขุด ม.7 ป้ายสีการเมือง ปัดถก กกต.เชื่อมีธงไว้แล้ว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2549 16:30 น.

ประชาธิปัตย์ สวนกลับ หญิงหน่อย พยายามยก ม.7 ป้ายสีการเมือง ยืนยันเสนอตาม รธน.เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่รุนแรง ในช่วงบ้านเมืองวิกฤต ไล่ไปอ่านรัฐธรรมนูญใหม่ เชื่อ เป็นคนฉลาดน่าจะเข้าใจง่าย ชี้ ปัญหาบ้านเมืองเกิดจากรัฐทำให้มั่ว พร้อมตั้งฉายาให้นายกฯใหม่ แม้ว ม.มั่ว ย้ำจุดยืนไม่ร่วมประชุม กกต.จันทร์นี้ เชื่อมีธงคำตอบจาก ทรท.ล่วงหน้าแล้ว แฉพิรุธ ทรท.ใช้รองผู้กำกับแอบถ่ายวีซีดีฉาว จี้ลงโทษเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

วันนี้ (14 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหามาก จึงขอให้ 3 พรรคฝ่ายค้านที่บอยคอตเลือกตั้งได้มาร่วมประชุมในวันที่ 15 พฤษภาคม อีกทั้งยังพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศใช้มาตรา 7 จนทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาว่า คำประกาศใช้มาตรา 7 ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นหนทางนำไปสู่ปัญหาแต่อย่างใดทั้งสิ้น และการบอยคอตการเลือกตั้งก็ดำเนินไปตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่ใช่เป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์พยายามจะพูดถึงมาตรา 7 เรื่องนี้ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ เสนอเรื่องมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อยุติบทบาทการทำหน้าที่ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ขณะนั้นสถานการณ์กำลังนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อเสนอดังกล่าวจึงเป็นข้อเสนอเพื่อแก้ไขความรุนแรง การที่คุณหญิงสุดารัตน์พยายามเอาเรื่องมาตรา 7 มากล่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำให้เกิดปัญหาเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง ทั้งที่คุณหญิงสุดารัตน์เข้าใจข้อเท็จจริงดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เข้าใจขอให้กลับไปเปิดรัฐธรรมนูญอ่านให้ชัด และอ่านคำประกาศของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์ฉลาดพอที่จะอ่านรัฐธรรมนูญออก คงไม่มีสติปัญญาต่ำเตี้ยเกินไปว่าคืออะไร

นายองอาจ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากฝากไปถึงคุณหญิงสุดารัตน์ว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการเมืองน่าจะมาจากปรากฏการณ์ความพยายามมั่วหลายด้าน คือ 1.มั่วยุบสภาทั้งที่ขณะนั้นเกิดปัญหาการหลีกเลี่ยงจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หวังว่า การยุบสภาเพื่อให้ประชาชนลืมเรื่องดังกล่าว 2.มั่ววันกำหนดการเลือกตั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมือง 3.มั่วใช้วิธีลงสมัครเลือกตั้งพรรคเดียว เป็นวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย 4.มั่วใช้วิธีการจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง เพื่อให้พรรคการเมืองใหญ่ไม่ต้องเข้าเกณฑ์ 20% และ 5.มั่วด้วยการพยายามเปิดประชุมสภาทั้งที่ยังได้ ส.ส.ไม่ครบ 500 คน ภายใน 30 วัน โดยถึงขั้นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมออกพระราชกฤษฎีกาโดยไม่ลงวันที่ให้เปิดสภาได้ ซึ่งปัญหาการมั่วทั้งหมดดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคขอขนานนาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า แม้ว ม.มั่ว

ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความวุ่นวายของบ้านเมืองขณะนี้เกิดจากระบอบทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงพรรคที่อยู่ในซีกฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้น ต้นเหตุของวิกฤตบ้านเมืองที่แท้จริงคุณหญิงสุดารัตน์ต้องกลับไปทบทวนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะใคร ทั้งนี้ ที่พรรคไม่เข้าร่วมประชุมกับ กกต.ในวันที่ 15 พฤษภาคม ไม่ใช่เป็นการตั้งแง่ หรือเกี่ยงงอนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ที่ผ่านมา ประชาชนทั่วไปได้ขนานนามประธาน กกต.อย่างชัดเจนในชื่อ พล.ต.อ.วาสนา แต่มีการแยกคำว่า วาด-สะ-หนา ที่สำคัญ พรรคไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือของ กกต.ที่สมคบกับพรรคไทยรักไทยเร่งรีบกำหนดวันเลือกตั้งทั้งที่ความวุ่นวายยังไม่จบสิ้น

นายสาธิต กล่าวต่อว่า เหตุผลสำคัญที่สังคมทราบดี คือการที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้ร้องเรียนนำหลักฐานการที่พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการสอบสวนและสรุปเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่ พล.ต.อ.วาสนา จะรับผลสรุปมาดำเนินการให้ถูกต้อง กลับไปเอาเรื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่เรื่องการร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่อยู่ในสารบบทั้งสิ้น พูดได้ว่า พล.ต.อ.วาสนา จะขึ้นมาเป็นผู้ร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์หรืออย่างไร จึงชัดเจนว่า กกต.กับพรรคไทยรักไทย มีความใกล้ชิดสนิทสนมโน้มเอียงในพฤติกรรมต่างๆ มากมาย ดังนั้น ถ้าพรรคฝ่ายค้านเข้าไปร่วมประชุมก็รู้ผลการประชุมที่กำหนดไว้อย่างดีแล้วว่า ธงของพรรคไทยรักไทย คือ การรีบจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดภายใต้ กกต.ชุดนี้

นายสาธิต กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทย ได้นำวีซีดีคำสนทนาระหว่างนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กับนายวรรณวริทธ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า มาเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ความจริงเนื้อหาในวีซีดีพบว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าพูดกับนายไทกร พลสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนไทย ในลักษณะว่าเป็นผู้กระทำความผิดมา คือ ไปแก้ไขทำเอกสารเป็นเท็จ เพื่อจะลงสมัครรับเลือกตั้งในภาคใต้ เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่าถ้าพรรคไทยรักไทยบริสุทธิ์ใจจริงน่าจะดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ในฐานะที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปดำเนินการกับพรรคดังกล่าว แทนที่จะไปร่วมมือ หรือใช้เจ้าหน้าที่รัฐทำผิดกฎหมายเอาวีซีดีไปอัดแล้วออกมาใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ โดยเชื่อมโยงระหว่างนายไทกรกับพรรค ทั้งที่นายไทกรออกมาระบุชัดเจนแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์

มีข้อสังเกต คือ ทุกกรณีของพรรคไทยรักไทยที่มีการพาดพิงถึงคนที่จะมาเป็นหลักฐาน ทุกครั้งจะใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะตำรวจลงไปหาข้อมูลเอาหลักฐานมา จากนั้นจะสร้างเรื่องว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม กรณีนี้แม้จะมีข้ออ้างว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าไปแจ้งความว่ามีคนข่มขู่ เจ้าหน้าที่จึงปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครไปข่มขู่ เป็นการพูดคุยกันธรรมดา และยังไม่เห็นเลยว่าที่ไปแจ้งความนั้นเป็นวันที่เท่าไร ทั้งนี้ ตนจะติดตามต่อไปว่าการที่อ้างว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าไปร้องทุกข์ว่า มีคนมาข่มขู่นั้นมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้แจ้งความเป็นบันทึกหลักฐานก็ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้น ซึ่งเป็นรองผู้กำกับนำกล้องวิดีโอไปถ่ายทำการสนทนา ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายไทกรเมื่อไม่นานมานี้ เพราะนายอภิสิทธิ์ได้มอบอำนาจให้ตน นายสุวโรช พะลัง และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรค ไปตรวจสอบเอกสารที่ กกต.ซึ่งเมื่อไปถึง พล.ต.อ.วาสนา ได้เชิญทุกคนเข้าห้องประชุม และพบกับนายไทกร กับเพื่อนอีกคนหนึ่งในวันนั้น จึงเป็นการรู้จักกันครั้งแรก เพราะนายไทกรได้นำหลักฐานที่พบมาให้กับประธาน กกต.ในวันเดียวกัน