ปชป.เย้ย ปูดวีซีดีไทกรมัดตัวเองชัด ย้อน นกต่อกำลังล่อซื้อใคร!
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤษภาคม 2549 18:10 น.
ปชป. เย้ย ทรท.กลัวถูกยุบพรรคขนาดหนัก ยกข้ออ้างความสัมพันธ์อนุฯกกต.เพื่อดิสเครดิตหนีความผิด ชี้ ข้อมูลวีซีดีไทกร กลายเป็นหลักฐานเด็ดผูกคอตัวเอง ระบุสาระสำคัญคือ นกต่อ จะไปต่อใครที่ซื้อลงสมัครเลือกตั้งต่างหาก -ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้กกต.กำหนดวันเลือกตั้งหลังงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ เพื่อไม่ให้บรรยากาศหาเสียงเข้าปะปนและเปิดโอกาสให้รัฐบาลรักษาการจัดงานได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวล
วันนี้(13 พ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณี น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย นำวีซีดีนายไทกร พลสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนไทย มาเผยแพร่ ว่า เป็นการกระทำที่มุ่งหวังเบี่ยงเบนผลการสอบสวนและกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพบว่าเนื้อหาในวีซีดียิ่งมัดตัวพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคการเมืองเล็กที่ไปพบกับนายไทกร ล้วนแต่กลัวความผิดที่รับจ้างจากพรรคใหญ่ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ตามกฎหมายถือว่าความผิดสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น วีซีดีนายไทกรที่พรรคไทยรักไทยนำมากล่าวอ้าง จึงเป็นคนละกรณีกับเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นำมาเปิดเผย
นายองอาจ กล่าวต่อว่า วีซีดีที่หลอกคุณไทกรไปอัดเสียงกับการจ้างพรรคเล็กเป็นคนละเรื่อง เพราะวีซีดีที่นำมาเปิดเผยวานนี้ (12 พ.ค.) ยิ่งชี้ชัดว่ามีการจ้างพรรคเล็กเกิดขึ้นจริง และที่พรรคไทยรักไทยอ้างเป็นเหยื่อขบวนการนกต่อ ผมถามว่านกต่อจะไปต่อใครได้ ถ้าไม่มีความพยายามจ้างพรรคเล็กให้เลือกตั้งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปจ้างวานไม่ให้พรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง เพราะหากพิจารณารายละเอียดแล้ว จะเห็นว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับนายไทกรมีเพียง 2-3 พรรค แต่ในการเลือกตั้งยังมีพรรคเล็กอีกจำนวนมากที่ลงรับสมัคร ซึ่งอาจจะได้รับการว่าจ้างและไม่ได้รับการว่าจ้าง จึงไม่มีประโยชน์ที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปดำเนินการกับพรรคเล็กเพียง 2-3 พรรค
กรณีที่พรรคไทยรักไทยระบุว่ามีนายตำรวจที่ร่วมอยู่ในคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งขึ้นมามีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นเพียงความพยายามที่จะข่มขู่อนุกรรมการฯ คนดังกล่าว และเป็นความพยายามลดความน่าเชื่อถือของผลการสอบสวนเพื่อดิ้นหนีความผิด ซึ่งท้ายสุดแล้วอาจจะมีคำตัดสินถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากสภาที่ปรึกษาของพรรคให้มาแถลงข่าว จากการติดตามของสภาที่ปรึกษาพรรคพบว่า ผู้ร่วมกระทำผิดมี 3 ฝ่ายคือ พรรคการเมืองใหญ่ พรรคการเมืองเล็ก และคนของ กกต.ที่ให้ความร่วมมือในการตัดต่อข้อมูลของพรรคเล็ก และขณะนี้พรรคเล็กถูกยุบพรรคไปแล้ว แต่พรรคใหญ่ยังไม่ถูกดำเนินการ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงรับสมัครเลือกตั้ง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต. เพราะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าว กกต.เป็นผู้ตั้งขึ้นเอง หลังจากทราบว่ามี นายนาม ยิ้มแย้ม รองประธานศาลฎีกา เป็นประธานสอบฯ ชุดดังกล่าว ทำให้มีความมั่นใจ เพราะเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับในวงการผู้พิพากษา ตั้งแต่ครั้งทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา
ส่วนกรณีพรรคไทยรักไทยออกมาพยายามแก้ข้อกล่าวหาว่าอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวไม่ได้เรียกพรรคไทยรักไทยที่ถูกกล่าวหาไปให้ข้อมูลนั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาในการพิจารณาคดีต่าง ๆ หากผู้พิพากษาเห็นว่าประจักษ์พยานหรือคำพยานของผู้กล่าวหามีความครบถ้วนและสามารถเอาผิดได้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกฝ่ายที่ถูกกล่าวหาไปให้ข้อมูล
ตามรายงานของอนุกรรมการฯ เมื่อเห็นว่ามีการสอบสวนทั้งปากคำบุคคล ทั้งพยาน สถานที่ พยานหลักฐานทุกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวโยงกัน โดยปราศจากข้อระแวงสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น คนที่มีข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน เช่นส่วนที่พูดถึงรัฐมนตรีสุดารัตน์ เขาก็ไม่ยกขึ้นมาวินิจฉัย เขายกประโยชน์ให้ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณศิธา เขาก็ยกประโยชน์ให้ โดยที่ยังไม่ต้องฟังคนเหล่านี้ เพราะพยานหลักฐานทุกอย่างฟังได้ชัดเจนแล้ว แต่คนอื่นที่ปรากฏรายชื่อมาทั้งหมดมีการพิเคราะห์พฤติกรรม เหตุผล ความน่าเชื่อถือ ความเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงทั้งหมดอย่างชัดเจน เป็นสิ่งที่ กกต.ชุดใหญ่ต้องยกขึ้นมาวินิจฉัย และถ้าถึงศาลยุติธรรมก็จะใช้หลักการปฏิบัติเดียวกัน นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ ยังกล่าวถึงกรณีพรรคไทยรักไทยพยายามชี้ให้เห็นว่ามีอนุกรรมการฯ ที่เป็นตำรวจมีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ และมีความผิดที่นำผลการสอบสวนออกมาเปิดเผย ว่า ไม่ทราบว่านายตำรวจที่พรรคไทยรักไทยกล่าวถึงเป็นใคร แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอนุกรรมการฯ เพราะ กกต.เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการทั้งหมด และหากพรรคไทยรักไทยเห็นว่านายตำรวจคนดังกล่าวกระทำผิด ขณะนี้ก็มีอำนาจอยู่ในมือสามารถดำเนินการได้ทันที
ด้าน ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำงานของ กกต.สอดคล้องกับการทำงานของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เที่ยงธรรม เริ่มตั้งแต่การแก้ไขฐานข้อมูลเพื่อช่วยเหลือให้พรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งได้ รวมไปถึงการเร่งรัดเลือกตั้งในรอบที่สองและสามที่ผลประโยชน์ล้วนตกกับพรรคไทยรักไทย และหากยังเป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองอื่น ๆ ก็คงต้องตกเป็นเหยื่อของ กกต. ดังนั้น การที่ กกต.ทำตัวเหมือนเป็นสาขาย่อยของพรรคไทยรักไทย จึงสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง จึงถึงเวลาที่ กกต.จะพิจารณาตัวเอง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งภายหลังงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้บรรยากาศการหาเสียงเข้ามาปะปนกับงานดังกล่าว และยังเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลรักษาการทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงพะวงเรื่องการเลือกตั้ง