"ไทกร"แจงจ้างพรรคเล็ก ลงเลือกตั้งไม่เกี่ยวปชป.
ไทยกร ระบุ เสี่ยงตายไม่เกี่ยว ปชป. จ้างพรรคเล็ก ใส่ความพรรคไหญ่ ระบุ ใช้วิธีล่อซื้อยาบ้า จับผิดจ้างพรรคนอมินี รอบ 2 พร้อมแฉเบื้องหลัง วีซีดี ทรท.จัดฉากใช้ รอง ผกก.ชัยภูมิ เคยติดตามแกนนำ ทรท.อ้างตัวเป็นทนาย โดยมี ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อดีตอธิบดี ชักใย ท้าฟ้อง เพื่อพิสูจน์คดีในชั้นศาล
วันนี้ (13พค.) เวลา 11.00 น. นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติ เปิดแถลงข่าวกรณีที่ถูกพรรคไทยรักไทย เปิดวีซีดีกล่าวหา ว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจ้างพรรคเล็ก ใส่ความพรรคไทยรักไทยกรณีการจ้างพรรคเล็กลงสมัคร เพื่อหลีกเงื่อนไข 20% ว่า ถือเป็นความพยายามของพรรคไทยรักไทย ที่จะเชื่อมโยงให้เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ และตนอยู่เบื้องหลัง ในการจ้างวานนายวรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ให้ใส่ความพรรคไทยรักไทย ซึ่งยอมรับว่า ภาพในวีซีดี เป็นเรื่องจริง และเป็นการกระทำผิดครั้งที่ 2 ของพรรคไทยรักไทย ที่ดำเนินการหลังจากการเลือกตั้ง 2 เม.ย. จบลง เพราะมีเขตที่ต้องเลือกตั้งซ่อม 40 เขต ซึ่งจำเป็นต้องมีคะแนน ร้อยละ 20 ทำให้มีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยรักไทย คนหนึ่ง ที่เป็นอดีตอธิบดี และเป็นแกนนำกลุ่มในพรรคไทยรักไทยกลุ่มหนึ่ง ได้ไปว่าจ้างพรรคเล็ก เพื่อลงสมัครประกบพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 23 เม.ย.
นายไทกร กล่าวต่อว่า ตนได้ส่งทีมงานเข้าไปแฝงตัว ทำงานในพื้นที่ โดยพบว่า มีการจ้างผู้สมัครจากพรรคชีวิตที่ดีกว่า ลงสมัครใน จ.พัทลุง , พังงา , สงขลา รวม 4 เขต แต่ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเหล่านี้ ได้เพิกถอนคุณสมบัติการเลือกตั้ง เพราะสังกัดพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน ทีมงานของตน ได้เกาะติดเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และพบว่า ในช่วงสงกรานต์ ได้มีการนัดกับผู้สมัครที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ห้อง 391 เพื่อปลอมแปลงเอกสาร หลักฐาน การสมัครเป็นสมาชิกพรรคย้อนหลังของพรรคชีวิตที่ดีกว่า ทีมงานของตน ได้เข้าไปพักในห้อง 392 เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว จึงได้รู้ว่า มีการกระทำความผิดจริง การติดตามครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลฎีกา วินิจฉัยว่า ผู้สมัครทั้ง 4 คน ขาดคุณสมบัติ
ผมกับหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าได้ติดต่อกันหลายครั้ง และทราบมาว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า มีความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงมั่นใจได้ว่าต้องมีผู้จ้างวานให้ลงรับสมัครเลือกตั้งก่อนวันที่ 23 เม.ย. และได้มีการคุยกันว่าเขาจะบอกว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผู้จ้างวาน โดยนัดผมครั้งแรกที่โคราช แต่เขาก็ไม่มาพบผม และครั้งสุดท้ายมาเจอกันที่โรงแรมเดอะแกรนด์จนถึงมีการพูดคุยกัน ผมยอมรับว่าไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือและไม่มีใครอำนวยความสะดวกให้ ดังนั้นเพื่อต้องการให้ได้หลักฐานและพยาน ผมจึงจำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าเป็นฝ่ายโทรศัพท์ติดต่อพบผมเอง โดยโทรจากเบอร์ 04-9825143 เข้าเบอร์โทรศัพท์ของผม คือ 01-4493444 ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ โดยเขายอมรับว่ากระทำความผิดและขอร้องให้ผมช่วยเหลือ ซึ่งผมก็ต้องการช่วยเหลือเขาจริง ๆ เพราะอายุ 68 ปีแล้วไม่อยากให้เขาติดคุก นายไทกร กล่าว
นายไทกร กล่าวว่า คำพูดในเทปวีซีดีดังกล่าวเป็นคำพูดของตนจริง แต่เป็นการหาพยานหลักฐานว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทยที่ไปจ้างพรรคเล็กเป็นใคร ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำความผิดครั้งที่สองและคำพูดของตนเพื่อโน้มน้าวจูงใจหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า แต่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมถึงกฎหมายอื่น เพราะตนไม่ใช่ผู้จ้างวานให้พรรคชีวิตที่ดีกว่ากล่าวหาพรรคไทยรักไทย แต่ข้อเท็จจริงคือพรรคชีวิตที่ดีกว่าถูกจ้างวานเรียบร้อยแล้ว และเป็นการขยายผลสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อประกอบการรับเงินส่งประกบเลือกตั้งในวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งเป็นความผิดที่พรรคไทยรักไทยได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว และยืนยันว่าตนได้ติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ปี2548
นายไทกร กล่าวว่า การแถลงข่าวของ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทยเป็นการโกหกทั้งหมดที่กล่าวหาว่าตนต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งความจริงตนเคยลงสมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2538-2539 และได้ลาออกไปตั้งพรรคประชาชนไทย ในปี2547 เพื่อที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง 6 ก.พ. 2548 แต่เนื่องจากคณะกรรมการสาขาพรรคคนหนึ่งอายุไม่ครบ 20 ปี ศาลจึงสั่งยุบพรรคเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2548 การตั้งพรรคจึงไม่ประสบความสำเร็จ ตนจึงได้เคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน และได้กลับมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 21 มี.ค.2549 หลังจากที่กระบวนการจ้างพรรคเล็กหรือการกระทำความผิดกฎหมายของพรรคไทยรักไทยเกิดขึ้นแล้ว โดยเกิดตั้งแต่วันที่ 4-8 มี.ค.
ความผิดของพรรคไทยรักไทยและการกระทำผิดของพ.ต.ท.ทักษิณได้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด การกระทำผิดของพรรคไทยรักไทยเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยได้กระทำการเสร็จสิ้นก่อนที่ผมจะกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการนำวีซีดีมาเปิดเผยเป็นกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของผมว่าผมเป็นผู้ชักจูงและบงการพรรคชีวิตที่ดีกว่าให้กล่าวหาพรรคไทยรักไทย ซึ่งผมเชื่อว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าไม่สามารถไปคบคิดกับผู้กำกับหรือผู้การได้ แต่ต้องมีพรรคไทยรักไทยอยู่เบื้องหลังการบันทึกเทป การกระทำของผมครั้งนี้เหมือนกับการไปล่อซื้อยาบ้า ถ้าผมทำผิด การล่อซื้อยาบ้าหรือผู้มีอิทธิพลก็ผิดด้วย ผมเป็นประชาชนธรรมดาไม่มีอำนาจรัฐและต้องการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อหาหลักฐาน โดยในคำถอดเทปวีซีดีไม่มีแม้ประโยคเดียวที่ผมบอกให้พรรคชีวิตที่ดีกว่าใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย นายไทกร กล่าว
แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติ กล่าวถึงการที่มีการระบุถึงเรื่องเงินในวีซีดีว่า ตนรู้ดีว่าผู้สมัครจากพรรคเล็กต้องการได้เงินเพียงอย่างเดียว จึงพยายามเสนอตัวเลขเพื่อล่อซื้อ และยืนยันว่าไม่ได้มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง และตนไม่ได้ติดต่อกับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ โดยพร้อมที่จะรับผิดชอบเพียงคนเดียว ซึ่งการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นเรื่องธรรมดา ใคร ๆ ก็สมัครได้ไม่ใช่สาระสำคัญ และการลงรับสมัครส.ส.ก็เป็นความประสงค์ของตนอยู่แล้ว เพราะทำงานการเมืองมาโดยตลอด จึงต้องสมัครเป็นสมาชิกให้ครบ 90 วัน
ถ้าพรรคไทยรักไทยคิดว่าผมทำความผิดก็ฟ้องผมได้เลย ผมยินดีไปพิสูจน์กันในชั้นศาล เพราะผมกล้าทำก็ต้องกล้ารับ แต่ผมจะไม่ฟ้องร้องใครทั้งสิ้น รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย แต่ได้มอบหมายให้ทนายความของตนเตรียมหลักฐานเอกสารทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ผมนำมาเปิดเผยทั้งหมดเป็นความจริง และกกต.ต้องพิสูจน์เรื่องนี้ด้วย เพราะพรรคไทยรักไทยได้จงใจกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 โดยมีแกนนำพรรคกลุ่มหนึ่งเป็นคนเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับการกระทำความผิดครั้งแรก ซึ่งส่อให้เห็นพฤติกรรมของระบอบทักษิณไม่ได้เกรงกลัวอำนาจอะไรเลย แต่ขอให้ได้ประโยชน์ทุกวิถีทาง นายไทกร กล่าว
เมื่อถามว่าการล่อซื้อครั้งนี้ต้องใช้เงินจำนวนมาก จะนำเงินมาไหนถ้าไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง นายไทกร กล่าวว่า ตนก็พอมี แต่ไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล หากขอมากก็ให้ไม่ได้ เพราะตนก็เคยเป็นระดับหัวหน้าพรรคก็มีเงินบ้าง แต่หลังจากมาร่วมชุมนุมประท้วงไล่ระบอบทักษิณที่ใช้เวลาค่อนข้างนานยอมรับว่าเงินได้ร่อยหรอลงไป โดยยืนยันว่าตั้งแต่เล่นการเมืองมาไม่เคยขอเงินขอค่าใช้จ่ายสนับสนุนจากใคร ส่วนที่ในวีซีดีตนได้พูดถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาชน และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคนั้น ขอยืนยันว่าทั้งสองคนไม่ได้มีส่วนรับรู้เรื่องนี้ แต่เป็นการพูดเพื่อโน้มน้าวใจที่ตนกล่าวขึ้นเองทั้งหมด โดยไม่มีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่มีความพยายามจากพรรคไทยรักไทยเพื่อกล่าวหาและกลบเกลื่อนผลสอบของอนุกรรมการ กกต.เพราะมีโทษหนักถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งเรื่องนี้จะต้องไปพิสูจน์กันในชั้นอัยการว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ และขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หาก กกต.สั่งให้สอบเพิ่มอีกแสดงให้เห็นว่ากกต.มีพฤติกรรมเอนเอียงไปทางพรรคไทยรักไทยและสมคบให้เกิดการกระทำผิดในครั้งที่ 2 เพราะการสอบสวนเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นไปแล้วถึง 2 ครั้ง
ด้านนายจุมพล สังข์ทอง ทนายความ กล่าวว่า วีซีดีดังกล่าวเป็นกระบวนการสร้างหลักฐานเพื่อหักล้างผลสอบของอนุกรรมการที่สรุปว่าพรรคไทยรักไทยทำความผิด ซึ่งเห็นได้จากการมีการเตรียมการที่ชัดเจน เพราะมีนายตำรวจยศพันตำรวจโทเป็นถึงรองผู้กำกับการที่จ.ชัยภูมิ อดีตเคยเป็นนายตำรวจติดตามผู้ใหญ่ของพรรคไทยรักไทย อ้างตัวว่าเป็นทนาย ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่ามีพรรคไทยรักไทยอยู่เบื้องหลังเพื่อจับผิดนายไทกรว่ามีพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังว่าจ้างใส่ความพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ตามในทางกฎหมายวีซีดีดังกล่าวไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะไปลบล้างความผิดที่อนุกรรมการสรุปไว้ได้ นอกจากนี้วีซีดีดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นความพยายามสร้างหลักฐานเท็จ ซึ่งตนขอเวลารวบรวมหลักฐานและตรวจสอบว่าจะสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จแล้วนายไทยกร ได้พาคณะผู้สื่อข่าวลงไปชี้จุดเกิดเหตุที่ ชั่น1 เป็นร้านกาแฟของโรงแรม เดอะแกรนด์รัชดา