วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหม ได้จัดพิธีเทิดเกียรติให้แก่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ในโอกาสที่จะพ้นจากตำแหน่ง
โดยมี พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ได้จัดพิธีสวนสนามของทหารกองเกียรติยศผสม ณ บริเวณลานอเนกประสงค์เพื่อเป็นเกียรติให้ด้วย
พล.อ.วินัยกล่าวว่า ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม 1 ปี 3 เดือน 26 วัน พล.อ.บุญรอดได้ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มความรู้ความสามารถ
ด้วยสติปัญญาเฉียบแหลมแสดงออกถึงภาวะผู้นำอย่างแท้จริง จนบังเกิดเป็นรูปธรรมเกิดคุณูปการแก่กองทัพ เช่น สามารถแก้ไขปัญหาความขาดแคลนงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่เคยได้รับการพิจารณาจากรัฐบาลใดมาก่อนในรอบ 10 ปี จัดประชุมสัมมนาคณะกรรมการกำหนดทิศทางการพัฒนาของกองทัพในระยะ 5 ปี และ 10 ปี ลดจำนวนทหารชั้นนายพล ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ปรับปรุงระบบค่าตอบแทนและสิทธิให้กับกำลังพล
“โดยบุคลิกส่วนตัวที่มีความสุภาพอ่อนโยน แต่เข้มแข็งเด็ดขาด เมื่อต้องตัดสินใจปัญหาต่างๆยามวิกฤติแสดงออกถึงลักษณะผู้นำ เป็นตัวอย่างของทหารอาชีพที่รักษาวาจาสัตย์ ที่สำคัญคือมีความตั้งใจที่จะสร้างความรัก ความสามัคคี ปรองดอง ในกองทัพ โดยฝากให้พวกเราทุกคนได้ร่วมกันดำรงไว้เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของสถาบันทหาร ให้เป็นที่เชื่อถือเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน” พล.อ.วินัยกล่าว
จากนั้น พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจเพราะไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด ซึ่ง 1 ปี 4 เดือนได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนผลจะออกมาอย่างไรต้องให้คนอื่นประเมิน ส่วนตัวรู้สึกปลื้มใจประทับใจอยู่ตลอดไป ภารกิจของกระทรวงกลาโหมถือว่าสำเร็จในทุกด้าน แต่การแก้ปัญหาก็ต้องใช้เวลา เช่น ปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาใช้นโยบายใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาได้ทันที หากรัฐบาลใหม่เข้ามาก็ขอให้ใช้นโยบายเดิม
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึง รมว.กลาโหมคนใหม่พล.อ.บุญรอดตอบว่า
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ปรับความเข้าใจกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ท่านเข้าใจดี จึงไม่ได้ปรับความเข้าใจ แต่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ ตระหนักและรับทราบด้วยความรู้สึกว่าท่านเข้าใจกองทัพเป็นอย่างดี สิ่งที่ได้ฝากไว้คือเรื่องกระทรวงกลาโหม
“ผมได้คุยกับนายสมัคร ซึ่งก็โอเค ท่านก็เข้าใจ รับฟังและไม่ใช่เป็นการถกเถียง เพราะหากเถียงกัน คง เถียงไม่ทัน และเมื่อศึกษาดูก็พบว่า ท่านเป็นคนที่รักทหารมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่วันนี้ด้วยบุคลิกลักษณะของท่าน บวกกับเรื่องอุดมการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ ทำให้เรามองท่านไปในอีกลักษณะหนึ่ง แต่เมื่อชั่งน้ำหนัก 2 ด้านแล้วเห็นว่า ท่านมีส่วนดีมากกว่า ก็อย่างที่คนเขาพูดกันว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ ซึ่งเรามองหน้ากันได้คุยกันได้ หัวเราะกันได้ เมื่อนายสมัครมาทำหน้าที่ก็จะได้รับการต้อนรับ และโดยบุคลิกของท่านเวลาพูดกับทหารเป็นบุคลิกที่ทหารยอมรับ” พล.อ.บุญรอดกล่าว