นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน
ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเกิดความขัดแย้งกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จากการแย่งชิงบทบาทการเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า ในภาวะที่จะต้องร่วมกันรวมพลังกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศจะต้องใช้ศาสตร์ของการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ ซึ่งการบริหารจัดการยุคใหม่จะทำงานเป็นทีมของผู้บริหารระดับสูงเพื่อขับเคลื่อนองค์กรในด้านที่แตกต่างกันออกไป
หากเปรียบเทียบกับการบริหารองค์ธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากมีผู้นำสูงสุดขององค์กร หรือซีอีโอ (Chief Executive Officer) ก็จะมีผู้บริหารระดับรองลงมาได้แก่
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือซีโอโอ (Chief Operating Officer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือซีเอฟโอ (Chief Finance Officer) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือซีเอ็มโอ (Chief Marketing Officer) แบ่งแยกบทบาทหน้าที่กันไป ฉะนั้นในทางการเมืองหากจะมีการตั้งรองนายกฯควบ รมว.คลังก็จะเหมือนกับซีเอฟโอ ส่วนรองนายกฯควบ รมว.พาณิชย์ก็เหมือนซีเอ็มโอ ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบทำงานทั้งหมด การบริหารงานยุคใหม่ไม่ใช่รูปแบบที่จะมีซาร์เศรษฐกิจรับผิดชอบเพียงคนเดียว เพราะคงไม่เพียงพอที่จะรับมือปัญหาและแข่งขันบนเวทีโลกได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เข้ามามีบทบาทภายในพรรคพลังประชาชน โดยจับมือกับ นพ.สุรพงษ์เดินเกมควบคุมกลไกต่างๆภายในพรรคพลังประชาชน
นพ.สุรพงษ์ตอบว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคได้ทำหน้าที่ประสานกับทุกภาค โดยไม่เลือกว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสานหรือภาค กทม. เพื่อจะให้ทุกภาคส่วนสามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกัน คงไม่สามารถไปเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะถือว่าทุกส่วนจะต้องมีส่วนร่วมกันด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติขณะนี้จะเน้นการทำงานเป็นทีม และเดินไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้อย่างรวดเร็ว