วันที่ 1 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการทำงานของ คมช.ที่ผ่านมาว่า คิดว่าดี เพราะสามารถปฏิบัติ ได้ตามเป้าหมาย และตามตารางทุกประการ ที่สำคัญเราได้รักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับประชาชน และคนในชาติว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามห้วงเวลาทุกประการ ส่วนเรื่องของคนใครจะมาเป็นอะไรนั้นเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ผู้คนจะชื่นชอบ หรือมาด้วยอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของระบบ ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งนั้น พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ไม่ถูกทิ้งหรอก คตส.เป็นคณะทำงานชุดใหญ่ ถูกแต่งตั้งตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ไปตามระบบ ระบอบกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย และ คมช.ก็ได้ให้กำลังใจและพร้อมสนับสนุนทำงาน เมื่อถามว่ากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้คุยกับสมาชิกคมช.หลายคน จะทำให้สมาชิกที่เหลือหวั่นไหวหรือไม่ว่า เหมือนต่างคนต่างกระโดดน้ำหนี พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ไม่มีหรอก คมช.ไม่ได้คิดเช่นนั้น เราก็ยังพูดคุยกันอยู่
ไม่รู้เรื่อง “สนธิ” โทร.คุย “ทักษิณ”
“สิ่งที่ คมช.ที่ได้มุ่งหวังตั้งแต่ต้นว่า จะทำอย่างไรให้ระบบของประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนเรื่องรัฐธรรมนูญ เราก็ให้มีการแก้ไข มีการลงประชามติในอนาคต คิดว่ารัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ สามารถที่จะแก้ไขได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและกลุ่มบุคคล ตามห้วงเวลาเป็นหลัก ถ้าเห็นชอบกัน และแก้ไขตามระบอบ ก็แก้ไขได้” พล.อ.อ.ชลิตกล่าว
เมื่อถามว่า คมช.รู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า คมช.ไม่รู้ เป็นการดำเนินการส่วนตัวของท่าน เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยติดต่อมาที่ท่านหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า เคยช่วงต้นๆของการปฏิวัติ และหลังจากนั้นเขาไม่มีการติดต่อมาเลย ไม่มีอะไร เมื่อถามว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ติดต่อใครอีกบ้าง เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้แยกสลายกัน พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ไม่มีการแยกสลายหรอก เพราะผู้นำเหล่าทัพยังมุ่งมั่นในหน้าที่ความรับผิดชอบ และพยายามที่จะดำรงวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเราในฐานะทหารของชาติ ไม่มีความแตกแยกแน่นอน รับรองได้ว่าคมช.ไม่หวาดระแวงกัน ไม่แตกแยกกัน
ให้ผลการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่ พล.อ.สนธิได้พูดคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะกระแสที่ออกมาติดลบ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า จะมองอย่างไรก็ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองทางลบ หรือมองทางบวก หรือมองตรงกลาง อีก 1 ปี จะมองเห็น ขณะนี้บางครั้งเรามีโมหะ โทสะ บางกลุ่มอยากจะได้นั่นได้นี่ บางกลุ่มมีความโกรธ แต่ผลการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์ คมช.คงไม่ประเมินตัวเอง คนข้างนอกจะเป็นคนประเมิน เราต้องมองภาพว่าเราต้องการความสงบสุข การพัฒนาของประเทศเป็นไปอย่างไร ถ้าเราอยู่ในสิ่งที่ขัดแย้งตลอดเวลา ตั้งแต่สูงสุดจนถึงต่ำสุด ก็ไม่มีความสุข เมื่อถามว่ามีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ถูกเช็กบิล พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า สำหรับคนไทยมองภาพในแง่ดี ถ้าไม่ใช่คนต่างชาติ อาจจะไม่มีความหวังดีกับประเทศ แต่คนไทยต้องหวังดีกับประเทศเสมอ ต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าเชื่อมั่นในสปิริตของ พ.ต.ท.ทักษิณและนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า เรื่องนี้ไม่น่าตอบ เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะมีผลดีหรือผลไม่ดี
ข้องใจสื่อมอง คมช.เป็นคนไม่ดี
“ทุกคนต้องเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยในการเลือก คนส่วนใหญ่ของประเทศได้คัดเลือกแล้วแสดงว่าเขามองภาพว่าคนนี้น่าจะเป็นผู้นำ และการกระทำทุกอย่างจะสร้างเสริมบารมี ความน่าเชื่อถือของแต่ละคนในระยะเวลาต่อจากนั้น รัฐมนตรีใหม่ๆ ที่คาดว่าจะมาเป็นบางคนเราไม่เคยสัมผัส ไม่รู้จัก แน่นอนว่า ต้องบอกว่าเชื่อถือ แต่ต้องดูอีกกี่เดือนก็จะรู้ว่าเขามีขีดความสามารถเป็นอย่างไร” พล.อ.อ.ชลิตกล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้ คมช.ผิดหวังอะไรหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ไม่มี บางครั้งเราไม่สามารถมุ่งหวัง อะไรได้ 100% บางทีได้ 50% ขึ้นไป แต่ต้องเข้าใจว่ามีขีดจำกัดในหลายเรื่อง เมื่อถามว่า เจ็บปวดหรือน้อยใจหรือเปล่า เพราะช่วงแรกคนชื่นชม แต่ตอนนี้คนมองอีกแบบ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า การมองมีหลายมุม แต่เวลาและผลลัพธ์จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าประชาชนหรือสื่อมองว่าไอ้คนกลุ่มนี้ไม่ได้เรื่อง ก็อาจจะไม่ได้เรื่อง ทั้งที่พยายามทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เราทำตามกรอบกำหนดที่วางไว้ทุกอย่าง เรามีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งและมีรัฐบาล เป็นสิ่งที่ คมช.ทำตามแผนงานที่วางไว้ แต่ ที่ผ่านมา คมช.ทำอะไรลงไปก็มักจะถูกมองในแง่ร้ายไม่ดี อยากถามสื่อมวลชนว่ามอง คมช.อย่างไร มอง คมช.เป็นซาตานหรืออย่างไร
อยากให้รัฐบาลทำเพื่อประเทศชาติ
พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า ยืนยันว่า คมช.ตั้งใจและมุ่งหวังว่าเราทำได้ดีที่สุด รวมถึงเราไม่ได้แย่งชิงอำนาจ เราพยายามที่จะให้กลุ่มคนที่มีความรู้ ความสามารถมาปฏิบัติงานเพื่อทำให้ประเทศเดินไปให้ได้ ถ้าเรามุ่งหวังอำนาจ ต่อท่ออำนาจ พวกเราทุกคนก็คงจะเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ ถือว่าเราคิดถูก เมื่อทำไปแล้วต้องถูก เพราะไม่ทำให้เกิดปัญหาแต่ต้น จากนี้ไป คมช.คงต้องนิ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนการแถลงยุติบทบาทอย่างเป็นทางการนั้น คงไม่จำเป็นต้องแถลง เพราะไม่อยากให้เป็นการส่งสัญญาณหรือกระเพื่อมทางการเมือง เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ที่นายสมัครมานั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ผู้นำสูงสุดของกองทัพคือผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่วน รมว.กลาโหมเป็นระดับนโยบาย เป็นผู้กำหนดนโยบายเพื่อให้ทหารปฏิบัติตาม ทั้งนี้ เรามีกฎหมายมีกฎระเบียบอยู่แล้ว หากแต่ละฝ่ายตั้งใจทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ไม่น่ามีปัญหา เพราะทหารมีวินัยพร้อมทำงานได้ เมื่อถามว่ามองอนาคตรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างไร พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า อายุรัฐบาลขึ้นอยู่กับผลการกระทำ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยประชาชนจะเป็นผู้ที่ตัดสิน
ทบ.พร้อมรับนโยบายรัฐบาลใหม่
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ทหารทุกคนภูมิใจและตั้งใจทำหน้าที่ต่อสังคมอย่างเหมาะสม สำหรับแนวทางการทำงานของกองทัพบกที่จะก้าวเดินต่อไปนี้ กองทัพบกจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ และเป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบายที่ผู้บริหารประเทศกำหนด โดยมุ่งเน้นการทำงานตามภาระหน้าที่ เช่น การเตรียมกำลังให้พร้อม การป้องกันชายแดน การสร้างอุดมการณ์ทางทหาร การมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการบรรเทาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงนโยบายของ รมว.กลาโหมคนใหม่ว่าจะส่งผลต่อกองทัพอย่างไร แต่ถ้านโยบายมาจากผู้บริหารประเทศ กองทัพบกก็พร้อมปฏิบัติตาม เพราะกองทัพไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นำ แต่หากมีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับความมั่นคงและต้องการให้เราเสนอแนะก็เป็นหน้าที่ของกองทัพบกที่ต้องเสนอต่อรัฐบาล ภาพสะท้อนของกองทัพบกที่ออกมาในสังคม ยังคงได้รับความเชื่อถือจากสังคม และยังคงเป็นสถาบันหลักของประเทศ
เตือนอย่าแทรกแซงองค์กรอิสระ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงอำลาตำแหน่งว่า ควรให้โอกาสรัฐบาลใหม่มีระยะเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ 3-6 เดือน สิ่งสำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือการสร้างความถูกต้องในสังคม บริหารประเทศบนหลักกฎหมายและหลักนิติ-ธรรม ไม่แทรกแซงองค์กรด้านกระบวนการยุติธรรม ถ้าทำผิดหลักการจะเกิดปัญหากับรัฐบาล ใครที่คิดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และถ้าในอนาคตรัฐบาลบริหารประเทศแล้วเกิดปัญหา ก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้กับประชาชน เมื่อถามว่า แสดงว่าในอนาคตกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีสิทธิฟื้นคืนชีพใช่หรือไม่ นายธีรภัทร์ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มพันธมิตรฯอย่างเดียว อาจเป็นกลุ่มอื่นที่ต้องการให้เกิดความถูกต้อง แต่ส่วนตัวจะต้องเฝ้ามองอยู่แล้ว คงไม่ไปจูบปากกับคนไม่บริสุทธิ์ ถ้าไปโอนอ่อนกับความไม่ถูกต้องก็รับไม่ได้
“สนธิ” คุย “ทักษิณ” ไม่ใช่มวยล้ม
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ประธาน คมช. แอบเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ นายธีรภัทร์ตอบว่า การที่ คมช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เป็นคุณูปการของสังคมไทย เพราะช่วงก่อนการรัฐประหาร เราเป็นประเทศที่ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นการปกครองในระบอบธนาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนและนักธุรกิจการเมือง การทำรัฐประหารเพื่อเปลี่ยนระบอบธนาธิปไตย เป็นประชาธิปไตย ไม่คิดว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู แต่เป็นขั้นตอนพัฒนาการทางการเมือง คงไม่ถูกใจทุกคน หลังพ้นตำแหน่งไม่หวั่นว่าจะถูกเช็กบิลย้อนหลัง เพราะเป็นคนไม่มีแผล อย่างไรก็ตาม ไม่ขอวิจารณ์ว่ารัฐบาลใหม่จะมีอายุแค่ไหน ควรให้โอกาสรัฐบาลทำงานก่อน แต่ถ้ารัฐบาลนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็จะเกิดปัญหาแน่นอน ส่วนรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ที่ปรากฏตามสื่อนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่คนเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่รักใคร่สนิทกัน ก็ต้องให้โอกาสท่าน อย่าเพิ่งไปวิจารณ์
เป็นศัตรูถาวรระบอบ “ทักษิณ”
เมื่อถามว่า ได้มีการติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เหมือนคนอื่นหรือไม่ นายธีรภัทร์ตอบว่า นอกจากจะไม่ติดต่อแล้ว ถ้าใครเขาติดต่อมา ก็ไม่ไปพูดไม่จูบปากด้วย ยื่นโทรศัพท์มาก็ไม่คุย เพราะมีจุดยืนว่าใครทำไม่ดีต้องต่อต้าน ผู้สื่อข่าวถาม ว่า พูดเหมือนหมดศรัทธาในตัว พล.อ.สนธิ นายธีรภัทร์ ตอบว่า ไม่หรอก ท่านเป็นเหมือนพี่ชาย ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ และระบอบธนา ธิปไตยตลอดกาล นายธีรภัทร์ตอบว่า จะเป็นศัตรูกับระบอบธนาธิปไตยตลอดกาล เพราะต้องการสร้างระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ธนาธิปไตย ไม่เคยผิดหวังกับผลการเลือกตั้ง และพูดเสมอว่าบางครั้งก็ไปจับทุจริตไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่ามีกระแสเงินจำนวนมาก ดังนั้น มือที่มองไม่เห็น มือสกปรกที่พูดคือมือที่ใช้เงินอันมิชอบมาทุจริตเลือกตั้ง แล้วหลังเลือกตั้งก็ยังใช้เงินเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง อันนี้คือมือที่สกปรก แต่มือที่ไม่สกปรกคือ มือของพระสยามเทวาธิราช เป็นมือสะอาดมือวิเศษจะปกป้องคนดี ไม่ปกป้องคนชั่วแน่นอน ใครคิดทำไม่ดี อย่าคิดว่าจะอยู่ได้นาน