ทรท.ตะแบงผลสอบจ้างพรรคเล็กมั่ว - โวยเป็นเหยื่อนกต่อทำลาย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2549 15:50 น.
ทรท.อ้างตกเป็นเหยื่อขบวนการนกต่อล่อติดกับ ไม่ยอมรับผลสอบอนุ กก. ระบุจ่ายเงินจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ตะแบงอ้างสอบมั่ว โวยสื่อผู้จัดการไร้จรรยาบรรณเผยแพร่เอกสารหลักฐานสรุปความผิดก่อน พร้อมขอแรง พี่หนา และทีมงานช่วยอีกสักครั้งให้เอาผิดอนุกรรมการฯ ที่เป็นนายตำรวจ 3 คน ฐานปล่อยเอกสารทำลาย
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.20 น. ที่พรรคไทยรักไทย ทีมคณะทำงานติดตามสถานการณ์การเมืองของพรรคไทยรักไทย นำโดย น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรค ได้แถลงตอบโต้ผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการ กกต.ที่สรุปว่าพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคขนาดลงเลือกตั้งว่า อนุกรรมการ กกต.ไม่ได้พิจารณาหลักฐานอื่นๆ ที่พรรคไทยรักไทยได้เคยส่งไปให้ อาทิ วีซีดีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยังไม่ได้มีการตัดต่อ ซึ่งมีเสียงคนบอกบทให้กับ น.ส.ฐิติมา ภาวะลี ซึ่งนายสุเทพเคยนำมาเป็นพยานในตอนแรก
น.ต.ศิธา กล่าวว่า สิ่งที่น่าสังเกตว่าผลสรุปของอนุกรรมการ กกต.กลับมาโผล่อยู่ในเว็บไซต์ของผู้จัดการทั้งฉบับ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบของอนุกรรมการ กกต.ไม่ใช่การตรวจสอบในเชิงลึก เป็นเพียงการฟังคำพยานแวดล้อมเท่านั้น ซึ่งพรรคไทยรักไทยจะส่งเอกสารวีซีดีพร้อมคำถอดเทประหว่าง นายไทกร พลสุวรรณ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กับนายวรรณวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งมีการเจรจากันที่ รร.เดอะแกรนด์ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อให้คณะอนุกรรมการของ กกต.พิจารณาอีกครั้ง
เนื่องจากขบวนการดังกล่าวเป็นการกระทำของพรรคการเมืองเก่าแก่ที่จ้างพรรคเล็ก เพื่อเป็นนกต่อกับพรรคไทยรักไทย แล้วให้พรรคเล็กไปทำความผิดต่างๆ เช่น การแก้ไขข้อมูลของ กกต.แล้วพยายามโยงล่อให้คนทำผิดหานกต่อทางการเมืองให้มีคนทำผิด โดยทำทีว่ามากินข้าวที่บริเวณหน้าพรรคไทยรักไทยแล้วได้รับเงินจากพรรคไทยรักไทย ทั้งที่ไม่รู้ว่าความจริงนั้นพรรคเล็กดังกล่าวได้รับเงินจากเลขาธิการพรรคการเมืองหนึ่งที่มีชื่อย่อ ส หรือไม่ โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า ทางพรรคได้มีวีซีดีพร้อมคำถอดเทปของนายไทกรซึ่งเคยเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์แล้วลาออกมาตั้งพรรคเล็กเพื่อกล่าวหาพรรคไทยรักไทย โดยนายไทกรได้รวบรวมคนของพรรคเล็กมากล่าวหาพรรคไทยรักไทย เมื่อกระทำการเสร็จแล้วก็กลับไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง โดยบุคคลดังกล่าวมีโอกาสจะลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะสมัครเป็นสมาชิกมา 2 เดือนแล้ว
โดยในวีซีดีระบุชัดว่า ถ้าคนของพรรคเล็กไปติดต่อกับคนในระดับต่างๆ ของพรรคไทยรักไทยจะได้รับเงินตอบแทนตามลำดับความสำคัญของบุคคล ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ธรรมรักษ์, คุณหญิงสุดารัตน์ หรือนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยหากพรรคเล็กปฏิบัติการได้สำเร็จจะได้ลงสมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในโอกาสหน้า หรือจะหนีไปอยู่กับพี่จ้อนที่จังหวัดเพชรบุรีก็ได้ จึงสรุปได้ว่ามีขบวนการอยู่เบื้องหลัง
ถามว่า ที่ระบุว่าที่พรรคไทยรักไทยติดกับดัก แสดงว่าคนของพรรคไทยรักไทยได้กระทำผิดจริงใช่หรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ไม่ใช่ เพียงแต่อนุกรรมการของ กกต.พิจารณาจากพยานแวดล้อม คือแม่ค้าที่อยู่หน้าพรรคไทยรักไทยเท่านั้น แล้วนำข้อมูลไปเชื่อมโยงเป็นตุเป็นตะ
เมื่อถามว่า สังคมเชื่อผลสรุปของคณะอนุกรรมการ กกต.ไปแล้ว เป็นห่วงว่าจะกระทบฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อในการพิจารณาของ กกต.กรุณานำเข้ามูลที่ให้ใหม่ไปพิจารณาด้วย จากหลักฐานเลขาธิการพรรคการเมืองเก่าแก่พร้อมจะให้เงินกับผู้สมัครพรรคเล็กที่มาหลอกล่อพรรคไทยรักไทย 4-5 แสนบาท เท่ากับว่าเป็นการขัดกับคำพูดของเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่าไม่มีเงิน
โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ยอมส่งตัวแทนไปหารือกับ กกต.เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ดำเนินการตามแนวทางสมานฉันท์ ทำให้พรรคไทยรักไทยไม่แน่ใจว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคไทยรักไทยจะเป็นพรรคเดียวที่ส่งผู้สมัครอีกหรือไม่ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องเลือกตั้งใช่หรือไม่
ด้าน นายเอกพร รักความสุข กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวว่า การที่ผลการสอบสวนทั้งหมดถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ผู้จัดการทั้งที่ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ถือว่าผิดปกติและผิดจรรยาบรรณสื่อมวลชน เพราะเอกสารยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ เท่าที่ทราบเป็นแค่การจัดเตรียมข้อมูลของคณะอนุกรรมการเท่านั้น
ส่วนเหตุใดที่ผู้ถูกพาดพิงระดับแกนนำของพรรคไทยรักไทย ทั้ง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และเสธ.ไอซ์ ถึงไม่เคยออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง นายเอกพร กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ประสานไปแล้ว ได้ทราบข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่ถูกพาดพิงได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะมาชี้แจงเรื่องอะไร เพราะไม่ได้รู้เรื่อง เพราะเบื้องหลังคนจ่ายเงิน ไม่ใช่พรรคไทยรักไทยโดยผู้ที่เกี่ยวข้องจะฟ้องร้องเพิ่มอีก
นายเอกพร กล่าวด้วยว่า หากพบว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้พรรคเสียหายและตนเห็นว่าไม่ควรยืดเวลาให้บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทั้ง 3 พรรคได้ปฏิเสธคำเชิญของ กกต.ไปแล้ว พรรคฯขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีเร่งทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว และขอยืนยันว่าพรรคฯ ได้ทำถูกต้องตามกฏหมาย
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวเสริมว่า ที่ตนไม่ได้นำวีซีดีออกมาเปิดเผยแก่สื่อมวลชนเพราะต้องการดูปฏิกิริยาของนายสุเทพ และนายไทกร ซึ่งเป็นไปตามคาดที่ต่างคนต่างปัดป้องต่างปฏิเสธว่าไม่รู้จักกัน โดยเฉพาะนายสุเทพ บอกว่านายไทกรเพิ่งมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ได้ดูแลนายไทกร ทั้งที่นายไทกรเป็นตัวละครที่นายสุเทพนำมาแสดงตั้งแต่ต้น
ขอถามว่า หากนายสุเทพยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับนายไทกร เหตุใดจึงไม่แจ้งความดำเนินคดีกับนายไทกร ผมขอท้าให้มีการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของนายสุเทพกับนายไทกรระหว่างเกิดเรื่องจะเห็นว่ามันเป็นกระบวนการทำลายที่ต้องการล้มการเลือกตั้ง และวันนี้จุดประสงค์คือต้องการยุบพรรคไทยรักไทย นายจตุพร ย้ำ
พร้อมกันนี้เขายังได้เรียกร้องให้ กกต.หาคนทำผิดว่าใครเป็นคนนำเอกสารของอนุกรรมการมาเผยแพร่ เพราะเอกสารดังกล่าวเหมือนเป็นการเปลี่ยนหลักฐานร้องเรียนของพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นขอสรุปโดยขอให้ กกต.เข้ามาคลี่คลาย และทำข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนมีรายชื่อของบุคคลที่แอบนำเอกสารการสอบสวนมาเปิดเผยโดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ยศพันตำรววจเอก พันตำรวจโท และร้อยตำรวจเอกที่อยู่ในคณะอนุกรรมการชุดนี้ ซึ่งขณะนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดแต่จะรอให้เขาออกมาแสดงตัว โดยจะขอให้เวลาอีก 2-3 วัน
ทั้งนี้ ผลสรุปของคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต.ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานได้ระบุว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้สมัครจากพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย เลือกสมัครรับเลือกตั้งเพื่อปลดล็อกเงื่อนไข 20 เปอร์เซ็นต์ โดยมี พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมร่วมมือด้วย โดระบุความผิดว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง รวมทั้งความผิดอื่นๆอีกหลายประการอาจถึงขั้นยุบพรรค
พร้อมกันนี้ คณะอนุกรรมการฯยังมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อแจ้งข้อหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยและเรียกมาให้ปากคำ โดยเสนอผลสรุปการสอบสวนดังกล่าวถึงมื่อ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ในเอกสารการสอบสวนยังระบุชื่อของ น.ต.ศิธา และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมอยู่ด้วยแต่ไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง