คาราวานคนจนถอยป้ายแดง ถกเข้ากรุงให้กำลังใจกกต.
คาราวานคนจนเตรียมเข้ากรุงฯ ให้กำลังใจ กกต.หลังถูกมรสุมจี้ให้ออก นัดหารือแกนนำ 15 พ.ค.นี้ หากได้ข้อสรุปเข้าเคลื่อนพลทันที ขณะที่ความเป็นอยู่ของแกนนำกลุ่มเปลี่ยนไป "สะอิ้ง ไถวสินธุ์" เสร็จภารกิจหนุน "ทักษิณ" กลับบ้านถอยรถปิกอัพอีซูซุ ป้ายแดง เจ้าตัวโว ซื้อสด ระบุได้เงินจากการลงทุนทำเหมืองแร่ที่จังหวัดเลย ขณะที่เพื่อนบ้านที่ร่วมชุมนุมจตุจักร ไม่ได้รับเงินตามที่รับปากเอาไว้
วันที่ 12 พ.ค.นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ รองเลขาธิการคาราวานคนจน เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มคาราวานคนจนยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร กำลังรอดูท่าทีของรัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งทุกวันนี้ทางแกนนำก็มีการประชุมปรึกษาหารือกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองและเรื่องต่างๆ
"เช้าวันที่ 15 พ.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการในเครือข่ายคาราวานคนจน เพื่อปรึกษาหารือกันว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป อาจจะเดินทางไปให้กำลังใจ กกต.ที่กำลังเกิดปัญหาอยู่ขณะนี้ ช่วงเย็นวันเดียวกันหลังประชุมเสร็จอาจจะต้องเดินทางไปกรุงเทพฯเลย แต่ทั้งนี้ต้องสอบถามความต้องการของสมาชิกก่อนว่ามีความพร้อมในการเดินทางในครั้งนี้หรือไม่" รองเลขาธิการคาราวานคนจน กล่าวและว่า
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ กลุ่มคาราวานคนจนคงไม่จัดคนลงไปมากเหมือนครั้งที่ผ่านมา นำไปเพียง 200 - 300 คนเท่านั้น ซึ่งรูปแบบการเดินทางจะใช้รถอีแต๋นเหมือนเดิมหรือไม่ ก็คงจะต้องมีการปรึกษาหารือกันวันที่ 15 พ.ค.อีกครั้ง หากที่ประชุมตัดสินใจเดินทางก็จะออกเดินทางช่วงเย็นวันนั้นเลย
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคาราวานคนจนคนอื่น ๆ ซึ่งมีแกนนำคือนายคำตา แคนบุญจันทร์ ประธานเครือข่ายคาราวานคนจน นายอรรถฤทธิ์ และนางสะอิ้ง ไถวสินธุ์ หลังจากเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เนื่องจากเสร็จสิ้นภารกิจชุมนุมเพื่อให้กำลังใจพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่สวนจตุจักรนั้น มีความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะนางสะอิ้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอโพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด พบว่า ได้ออกรถปิกอัพป้ายแดง
ทั้งนี้ นางสะอิ้ง กล่าวว่า หลังเสร็จภารกิจชุมนุมที่จตุจักร ก็กลับมาอยู่บ้านและกำลังจะลงมือปักดำนา แต่ 2 วันก่อนได้มีแกนนำมาชวนเพื่อให้ไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ กกต.กลาง เนื่องจากเห็นว่า กกต.กลางไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ก็ไม่สามารถไปร่วมได้ เพราะติดทำนา
นางสะอิ้ง รับว่า ได้ออกรถใหม่เป็นรถปิกอัพอีซูซุดีแมกซ์ป้ายแดง ราคา 5.2 แสนบาท แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าออกรถใหม่เพราะเอาเงินค่าจ้างในการไปชุมนุมที่สวนจตุจักรมาซื้อ ซึ่งอยากจะบอกว่าได้เงินมาจากการขายแร่ หลังจากไปร่วมทุนทำเหมืองแร่ที่ บ้านนาปลาดุก ต.นาคำ อ.นาด้วง จ.เลย โดยมีเพื่อนร่วมหุ้นหลายคน ซึ่งเหมืองแร่ดังกล่าวลงทุนทำร่วมกับชาวเวียดนาม และเงินที่ใช้ซื้อรถคันใหม่นั้นมีอาจารย์คนนึ่งชื่อประสิทธิ์ อยู่กรุงเทพฯ ช่วยออกเงินให้ 3 แสนบาท และเงินส่วนตัวอีก 2.2 แสนบาท ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
ส่วนข้อถามที่ว่ามีสมาชิกที่ร่วมเดินทาง บอกว่าไม่ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท ที่ไปร่วมเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ นางสะอิ้ง กล่าวว่า ใครกล่าวหา เงินที่ไหน ไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจไม่ได้มีใครว่าจ้าง ไปเพราะอยากไป ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน
ด้านนายนิพนธ์ ฐานผดุง ชาวบ้านตำบลคำพอุง อ.โพธิ์ชัย ซึ่งเคยร่วมชุมนุมที่สวนจตุจักร กล่าวว่า หลังจากที่เดินทางกลับจากร่วมชุมนุมได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท ทั้งที่ความจริงจะต้องได้มากกว่านั้นเนื่องจาก ตามข้อตกลงกัน ค่าจ้างวันละ 1,000 บาท เพราะมีค่าเช่ารถ 800 บาท ค่าเบี้ยเลี้ยงอีก 200 บาท ไปร่วมชุมนุม 20 วัน จะต้องได้เงิน 20,000 บาท แต่แกนนำจ่ายให้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น
นายพรชัย (ขอสงวนนามสกุล) ชาวตำบลคำพอุง ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ไปร่วมชุมนุม บอกว่า ไปร่วมชุมนุมเกือบ 2 เดือน ตกลงจะให้ค่าตัววันละ 200 บาท แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ได้รับเงินไม่เต็มจำนวน เพราะถูกหัวหน้าหักค่าหัวคิว ในขณะที่เพื่อนบางกลุ่มที่มาจากภาคเหนือ บอกว่าได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท