เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลแพ่ง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร
เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นจำเลย เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.-17 ส.ค. 50 นายสุนัยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนลักษณะชี้นำเกี่ยวกับการสอบสวนคดีว่า โจทก์ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยวันนี้ นายสุนัย มโนมัยอุดม ซึ่งเป็นจำเลยไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง แต่มอบหมายให้ทนายความมาฟังคำพิพากษาแทนเช่นเดียวกับฝ่ายโจทก์
คำพิพากษาใจความว่า จำเลยได้แถลงคำให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามมาตรฐาน คุณธรรม และจริยธรรม และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การกระทำที่โจทก์ฟ้องเป็นการกระทำของคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษ คำฟ้องดังกล่าวจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ จำเลยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดจึงมีหน้าที่ แถลงข่าวบนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรทราบ อีกทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.5 พันล้านบาทนั้น มากเกินกว่าความเป็นจริง ขอให้ศาลยกฟ้อง
ต่อมาศาลพิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างว่า จำเลยกระทำการละเมิด
ด้วยการกล่าว ไขข่าวต่อสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ได้ รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยที่จำเลยมีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ถือว่าจำเลยเป็นผู้แทนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อโจทก์ กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการละเมิด เป็นเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษต้องรับผิดชอบ โจทก์ต้องยื่นฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยตรง ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัว ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยทางโทรศัพท์ภายหลังได้ทราบว่า ศาลพิพากษายกฟ้องว่าจะไม่ฟ้องกลับแน่นอน เพราะไม่เคยฟ้องร้องใคร ถือว่าจบกันไป นอกจากนี้ ยังมีกำลังใจดีและจะปฏิบัติ หน้าที่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป