เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ม.ค. ที่พรรคพลังประชาชน ส.ส.อีสานของพรรคได้นัดประชุมหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี ประธานภาคอีสาน เป็นประธานในที่ประชุม โดยในที่ประชุมได้มีการกำชับถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภา โดยเฉพาะวันที่ มีประชุมพุธ-พฤหัสฯ ห้าม ส.ส.ไปอยู่ตามกระทรวงต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาสภาล่ม และเร็วๆนี้จะมีการจัดปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ เนื่องจากหลายคนเป็น ส.ส.ครั้งแรกไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติ โดยจะอบรมตั้งแต่การแต่งตัว การเข้าสังคม การกินอาหาร และการพูดจา รวมทั้งการอภิปรายในสภา นอกจากนี้ ส.ส.อีสานยังถกเถียงกันอย่างมากถึงตำแหน่งเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี โดยสงสัยว่าผู้ที่เป็น ส.ส. สามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้หรือไม่ จึงมีข้อสรุปว่าเมื่อมีการแต่งตั้งเลขาธิการ ครม.เมื่อใดจะส่งเรื่องนี้ไปให้เพื่อส่งต่อไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือทันที
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค คณะกรรมการประสานงานภาค กทม.พรรคพลังประชาชน จัดการประชุมภาค กทม.
นำโดยนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานภาคฯ พร้อมด้วย ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. สมาชิกสภากรุงเทพฯ และสมาชิกสภาเขตของพรรคพลังประชาชนกว่า 200 คน เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ ยังมีแกนนำสำคัญของพรรคเข้าร่วม อาทิ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรค
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.15 น. นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาร่วมงานเสวนาโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า
วันนี้หากประเมินสถานการณ์บ้านเมืองถือว่าดีแล้ว แม้การเมืองครั้งที่แล้วมีความพยายามใช้ อำนาจรัฐ อำนาจเงินก็แล้ว โกงก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ชนะเราได้ ขอพูดในฐานะเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ กกต.คนหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใครมาเล่าให้ฟัง ซึ่งตรงกันกับข้อมูลที่มีว่าคดีดังกล่าวตนถูกจัดฉากใส่ร้าย ทั้งหมดเป็นกับดัก จะจับผิดตั้งแต่กลับมาจากสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยใช้ผู้นำท้องถิ่นที่มีคดีความต่างๆ มาบีบบังคับให้เป็นพวกเขา มีการจ่ายเงินจ่ายทองโดยการใช้ผู้นำเหล่านั้นเป็นตัวล่อเพื่อให้ไปสู่การซื้อเสียง ชักชวนให้มาเยี่ยมเยียนตนที่อยู่ กทม. มีการไปถ่ายภาพขณะขึ้นลงเครื่องบิน พร้อมกับถ่ายวีดิโอโดยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารขณะประชุม ซึ่งเนื้อหาการประชุมวันนั้นได้ประชุมที่โรงแรมเอสซีปาร์ค โดยเนื้อหาที่พูดคุยไม่มีอะไรเลย เป็นการขอความร่วมมือให้ตนเป็นคนทวงเงินจากอดีต ส.จ.คนหนึ่ง
“พรรคตอนนี้ไม่ใช่แค่ถูกเรื่องเงินเข้ามาคุกคาม แต่เรายังมีภัยจากความพยายาม มือที่มองไม่เห็นมาคุกคามเราตลอด ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก่งแย่งตำแหน่งหน้าที่ เพราะว่าอาจเกิดอันตรายต่อพรรคได้ ภาวะไม่ปกติ ซึ่งพวกเราต้องช่วยประคับประคอง คลื่นที่ผ่านมาเป็นคลื่นเล็กและกลาง แต่คลื่นข้างหน้าที่เข้ามาใหม่ต้องคิดให้ดี จะหลบซ้ายหรือขวาและประคับประคองตลอดรอดฝั่งให้ได้ ไม่ อย่างนั้นเรืออาจอับปาง ยอมรับว่าเหนื่อยแต่ก็พยายามจะเอาใจมาช่วย” นายยงยุทธกล่าว