พปช.ยันสมัคร เป็นนายก4ปี

หลังจากที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติ เลือกนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี ในขณะที่พรรคพลังประชาชนก็มีปัญหาถูกมองว่าเป็นรัฐบาลสีเทานั้น
 

ปัดข่าว “สมัคร” นั่งนายกฯชั่วคราว
 

ที่พรรคพลังประชาชน อาคารไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ร.ท. กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่นาน เมื่อทำภารกิจเสร็จก็จะไป โดยอาจให้แกนนำพรรคคนอื่นรับตำแหน่งต่อไปว่า ภารกิจที่นายสมัครพูดนั้น หมายถึงการรวมพรรคพลังประชาชนให้เป็นปึกแผ่น เพราะก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยถูกสับเป็นท่อนๆ จากพรรคใหญ่ถูกทำให้เป็นพรรคเล็ก จึงต้องการเข้ามาหลอมรวมสมาชิกพรรคที่แตกกระเซ็นให้มาร่วมสร้างพรรค โดยนายสมัครเข้ามาเป็นผู้นำ และช่วยสร้างพรรคให้เข้มแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ก็ทำจนประสบความสำเร็จ ขณะนี้ภารกิจรวบรวมพลเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีภารกิจที่จะต้องร่วมกันทำต่อไป คือการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นายสมัครต้องเป็นหัวหน้ารัฐบาลจนครบอายุของสภาฯ ต่อข้อถามว่า ภารกิจที่นายสมัครพูดถึงรวมถึงการนิรโทษกรรม ให้กับ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยด้วยหรือไม่ ร.ท.กุเทพตอบว่า คงไม่เกี่ยวกัน และเรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถทำได้ในทันทีทันใด เหมือนการเสียบปลั๊ก จะมาถอดปลั๊กออกทันทีและมาเสียบแทนกันได้เลย เพราะถ้าทำเช่นนั้นคงน่าเกลียดเกินไป
 

ติง ส.ส.อีสานกดดันต่อรองเก้าอี้
 

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ส่วนกรณี ส.ส.อีสานทวงโควตารัฐมนตรีนั้น ถือเป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัว ยืนยันไม่มีเรื่องการต่อรอง หลังการเลือกตั้งได้พบปะพูดคุยกับ ส.ส.อีสาน ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวในแนวทางดังกล่าว เพราะต่างรู้ดีว่าการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายสมัครและคณะกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้พิจารณา ทุกอย่างจะเดินไปตามกรอบกติกา จะต้องดูความเหมาะสมให้เกิดความสมดุลในแต่ละภาค และพิจารณาจาก ความรู้ความสามารถ ฉะนั้น จะไม่มีการไปวิ่งเต้นต่อรองให้เกิดความสับสน บางจังหวัดถึงแม้จะได้ ส.ส.ยกจังหวัด แต่ถ้าคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรียังไม่ถึงขั้นก็เป็นไม่ได้ และจริงๆ แล้วการจะไปพูดถึงตัวเองว่ามีความเหมาะสม นักการเมืองจะไม่พูดกัน นักการเมืองสมัยใหม่จะต้องแสดงท่าทีเสียสละที่จะเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่มีความสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ
 

อย่าเชียร์ตัวเองเหมือนกลองจัญไร
 

“ปัญหาของประเทศไม่ได้สักแต่ว่าได้จำนวน ส.ส. มาแล้ว มีความสามารถแก้ปัญหาได้เลย พรรคจะต้องดูประสบการณ์ ภูมิหลังของคนๆนั้นเกี่ยวกับงานที่จะทำ ว่าสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ เพราะพรรคจะต้องรับผิดชอบกับประชาชนทั้งประเทศ แต่ ส.ส.จะรับผิดชอบต่อประชาชนเฉพาะในเขตเลือกตั้ง ดังนั้น จะเอาจำนวนที่นั่งในเขตมาพูดถึงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะรัฐมนตรี เป็นการแก้ปัญหาของคนทั้งประเทศ กลองที่มันจะดังจะต้องให้คนอื่นตี ไม่ใช่ดังเอง มันถือว่าเป็นกลองจัญไร งานรัฐมนตรีเป็นงานหนัก ไม่ใช่เอามาเป็นเรื่องประดับศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูล และถ้าผลงานไม่ออกมา จะทำให้เกิดความเสียหายแก่พรรค” โฆษกพรรคพลังประชาชนกล่าว
  

เปิดเผยวิธีการโหวตเลือกนายกฯ
 

นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาลชั่วคราว) กล่าวถึงรูปแบบการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ม.ค.นี้ว่า ที่ประชุมจะเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ส่วนวิธีการที่จะใช้นั้นเป็นการลงมติแบบเปิดเผย โดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะขานชื่อ ส.ส. เรียงตามลำดับตัวอักษร ส.ส.จะต้องลุกขึ้นยืนเพื่อแนะนำตัว จากนั้นก็ระบุว่าเห็นชอบให้บุคคลใดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรืองดออกเสียง โดยวิธีการนี้จะทำให้ทราบว่า ส.ส.คนไหนเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันดังกล่าวอาจจะมีการถ่ายทอดสดในสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ด้วย
 

ให้ผู้ใหญ่ในพรรคเสนอชื่อนายกฯ

นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า สำหรับบุคคลที่จะเป็นผู้เสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะมีการหารือกันในระหว่างการประชุม ส.ส.ของพรรคในวันที่ 27 ม.ค.นี้ คาดว่าจะเป็นคนสำคัญของพรรคในระดับรองหัวหน้า หรือไม่ก็เลขาธิการพรรคที่จะเป็นผู้เสนอชื่อนายสมัคร เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการลงมติเลือกนายกฯ จะมีเสียงแตกเหมือนการลงมติเลือกประธานสภา นายสุขุมพงศ์ตอบว่า ไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้ เพราะการลงมติทำอย่างเปิดเผย และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจะทำตามข้อตกลงอย่างแน่นอน 

“เรื่องเสียงแตกเราไม่ได้กังวล เพราะโหวตอย่างเปิดเผย ไม่มีใครกล้าหรอก แค่กดไมค์พูดขาก็สั่นแล้ว ส่วนที่ใครที่ไม่สบายและจะไม่มานั้น ก็คงต้องหามกันมา เพราะหน้าที่สำคัญของ ส.ส.คือการเลือกนายกรัฐมนตรี” นายสุขุมพงศ์กล่าว
 

จี้ ปชป.เลิกเล่นเกมการเมืองเก่าๆ 

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้ ส.ส.โหวตต้านนายกฯนอมินี และต้านรัฐมนตรีสีเทาว่า เห็นด้วยที่จะให้ต้านรัฐมนตรีสีเทา ต้องยอมรับว่ามีอยู่ทุกที่ แม้แต่ฝ่ายค้านเองก็มีรัฐมนตรีสีเทา หากได้เข้ามาทำงานรัฐสภาเมื่อใดจะรื้อคดีที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเกี่ยวพันกับที่ดิน สปก.ใน จ.สุราษฎร์ธานี 1,000 กว่าไร่ โดยเอาไปให้ญาติพี่น้องตัวเอง อย่างไรก็ตามในการโหวตเลือกนายกฯนั้น วันนี้ต้องเป็นนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนทั่วประเทศเท่านั้น ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือเป็นสิทธิ ต้องไปโหวตสู้กันในสภา เพียงแต่อยากขอร้องว่าอย่าใช้เล่นเกมการเมืองแบบเก่าๆ วอล์กเอาต์ บอยคอต เหมือนอย่างที่เคยทำ ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ เหน็บแนมเรื่องการเดินทางไปฮ่องกงของนักการเมืองนั้น ถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากร่วมรัฐบาลก็ลองเดินทางไปฮ่องกงบ้างก็ได้
 

ส.ส.กทม.พร้อมรับเก้าอี้ พม.-สธ.
 

นายวิชาญ มีนชัยนันต์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประ-ชาชน กล่าวว่า การที่ถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นมติ ของภาค กทม. แต่ก็ต้องดูมติของพรรคด้วยว่าให้เราทำงานในส่วนไหน ส่วนตัวพร้อมทำงานในทุกตำแหน่งที่พรรคมอบหมาย 2 กระทรวงที่เป็นข่าว คือกระทรวงการพัฒนา-สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น ก็มีความเป็นไปได้ เพราะเป็นกระทรวงที่จะช่วยพัฒนาชีวิตคน กทม.ให้ดีขึ้น นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีได้ถูกวางตัวจากภาค กทม.ให้นั่งเก้าอี้รัฐ-มนตรีในโควตาภาค กทม.ว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ในพรรคจะเป็นคนพิจารณาตำแหน่งให้ ภาค กทม.ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ส่วนตนก็พร้อมที่จะทำงานในทุกตำแหน่งที่พรรคมอบหมายให้ ส่วน 2 กระทรวงที่เป็นข่าวคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุขนั้น ก็เป็นกระทรวงที่มีความเป็น ไปได้สูง เนื่องจากเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับคน กทม.พอสมควร ตนเองก็มั่นใจในระดับหนึ่งว่าภาค กทม.น่าจะได้ทั้ง 2 เก้าอี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการต่อรองอะไร ไม่ใช่ว่าต้องได้สถานเดียว กทม.มี ส.ส. 9 คน ได้ 1 เก้าอี้ก็รับได้
 

ประชุม 28 ม.ค.ไม่มีวาระพิเศษ
 

นายสุธากล่าวว่า สำหรับงานเลี้ยงสังสรรค์ภาค กทม. ในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.นั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของภาค กทม.ที่ทำกันมาทุกปีในช่วงปีใหม่ แต่คราวนี้ต้องยืดเวลาออกไปเนื่องจากติดเลือกตั้งจึงยังไม่สะดวก ส่วนสาเหตุที่พื้นที่ กทม.แพ้การเลือกตั้ง ครั้งที่ผ่านมานั้น ภาค กทม.ได้คุยกันในเบื้องต้นแล้วมองใน 3 สาเหตุคือ 1. เรื่องแคมเปญหาเสียงของพรรค ที่เน้นกระชากความรู้สึกของคนต่างจังหวัดมากเกินไป ทำให้ ส่งผลกระทบคือเข้าไม่ถึงคน กทม. 2. คือเรื่องกระสุน ซึ่งต้องยอมรับว่าเราสู้ไม่ได้จริงๆ ฝ่ายตรงข้ามมีเยอะมาก และเราก็โดนบล็อกทุกอย่าง 3. คือเรื่องเทคนิคในการ เลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งล่วงหน้า เรื่องนี้เราสู้ไม่ได้ จริงๆ ส่วนข้อสังเกตที่ระบุว่าสนาม กทม.แพ้ เนื่องจากกลุ่ม นปก.ทำให้กระแสตกนั้น คิดว่าไม่ใช่ เพราะคนที่ เลือกพรรคพลังประชาชนยังไงก็เลือก คนที่ไม่เลือกยังไงก็ไม่เลือกอยู่แล้ว
 

“สุดารัตน์” พ้อถูกปล่อยข่าวทำลาย
 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ไทยรักไทย กล่าวว่า จากการหารือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในงานสวดพระอภิธรรมศพนายอร่าม เลิศนุวัฒน์ บิดาของนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ เมื่อค่ำของวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดมกุฏกษัตริยารามว่า เท่าที่ทราบขณะนี้การจัดสรรเก้าอี้ภายในพรรคพลังประชาชนค่อนข้างจะได้ข้อยุติแล้ว ที่ผ่านมาขนาดถูกกันจากการเมืองเพราะอยู่ใน 111 คน  ก็ยังถูกรังแกอยู่ตลอด  ล่าสุดก็มีการปล่อยข่าวหาว่าพยายามเลื่อยขานายสมัคร  สุนทร-เวช หัวหน้าพรรคทุกวิถีทาง ไม่เป็นความจริงเลย จึงได้แต่ปลงไม่รู้จะตามรังแกกันไปถึงไหน
 

พผ.ป่วน 4 ส.ส.ไม่โหวตให้ “สมัคร”
 

ค่ำวันเดียวกัน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า มีข่าวว่าอาจจะมี ส.ส. 3-4 คนของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่เคยไม่โหวตให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนฯมาแล้ว อาจจะไม่โหวตให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เพราะมีปัญหาตกลงกันไม่ได้ในการจัดสรรรัฐมนตรีภายในพรรค แต่ก็ยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ากระแสข่าวลือนี้จะไม่เป็นความจริง เพราะถ้าเป็นจริงก็แสดงว่า ส.ส.กลุ่มดังกล่าวหวังเพียงแต่ประโยชน์กลุ่มตน โดยไม่คำนึงถึงความร่วมมือร่วมใจพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้หากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลต่อการตัดสินใจจัดสรรโควตารัฐมนตรี ให้พรรคร่วมรัฐบาลที่มีปัญหาหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ตอบว่า หากมีเหตุการณ์ตามกระแสข่าวลือเกิดขึ้นจริง ก็คงส่งผลกระทบต่อการจัดสรรบทบาทในการบริหารประเทศของพรรคนั้นด้วย
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่ม ส.ส.ที่มีข่าวว่าอาจจะไม่โหวตสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ เป็น 4 ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์