ผัน ย้ำภารกิจ 3 ศาลเพิ่งเริ่ม-ส่งสัญญาณซ้ำ 4 กกต.อย่าดันทุรัง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2549 20:24 น.
ผัน ระบุ ภารกิจ 3 ศาลตามแนวพระราชดำรัสยังไม่เสร็จสิ้น แค่เริ่มต้นเท่านั้นเพื่อทำให้เกิดสภาผู้แทนฯ ได้ ส.ส.ที่มีความสง่างาม ได้รับการยอมรับจากประชาชน จี้สำนึกกกต.ถ้าทำหน้าที่แล้วไม่มีใครยอมรับจะทำไปทำไม ส่งสัญญาณชัดให้ศาลฎีกาเสนอชื่อ กกต.ชุดใหม่คุมเลือกตั้งแต่ต้นจนจบ
วันนี้ (11 พ.ค.) นายผัน จันทรปาน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองขณะนี้ เกิดจากกระแสพระราชดำรัส ที่ทรงขอให้ 3 ศาลไปร่วมแก้ปัญหา ทั้ง 3 ศาลจึงได้ปรึกษาหารือกันทันที โดยถือหลักขอบเขตของแต่ละศาล ที่จะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน โดยคำวินิจฉัยของแต่ละศาลจะเดินไปในแนวทางเดียวกัน และการแก้ปัญหาของบ้านเมืองทั้ง 3 ศาลจะร่วมกันแก้ไขด้วยกัน ทั้งเรื่องการพิจารณาในเรื่อง 14 เขต เลือกตั้ง 9 จังหวัด ที่ร้องไปยังศาลปกครองอยู่ ซึ่งศาลปกครองก็ได้สั่งระงับการเลือกตั้งไว้ก่อน
สำหรับในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายผัน กล่าวว่า ได้วินิจฉัยกรณีคำร้องของ นายบรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ว่า การเลือกตั้งไม่ชอบธรรม และส่งเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเราก็รับ และมีมติเป็นคำวินิจฉัยกลางออกมาแล้ว
ขณะนี้ภารกิจของทั้ง 3 ศาล เพิ่งเริ่มต้น ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะการแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองต้องร่วมกัน เพื่อทำให้เกิดสภาผู้แทนราษฎร ที่เกิดจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และต้องมี ส.ส.ที่สง่างาม ดังนั้น เราต้องเข้าไปดูแลการเลือกตั้ง นายผัน กล่าวและว่า ขอเรียนย้ำว่า การเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.แต่ กกต.ตอนนี้ถูกวิจารณ์กันมาก ถ้าลาออก ก็มีความจำเป็นที่ต้องให้ศาลฎีกาเข้ามามีส่วนในการรับผิดชอบแบบเฉพาะกิจ เพื่อสรรหา กกต.ชุดใหม่
นายผัน กล่าวว่า วิธีการคือ ประธานศาลฎีกาจะส่งชื่อมา 10 คน เพื่อให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือ 5 คน และทำหน้าที่ กกต.ชุดใหม่แทน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ประชาชนจะมีความมั่นใจเรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะการให้ใบแดง-ใบเหลือง ซึ่งก็จะได้ผู้แทนฯที่เหมาะสม มีการจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับ
ส่วนปัญหาที่ว่า ถ้า กกต.ไม่ลาออกทั้งหมด จะมีทางออกอย่างไร นายผัน กล่าวว่า ขอเรียนว่า ขณะนี้เป็นภาวะพิเศษ ความสำเร็จของการทำงานอยู่ที่ความน่าเชื่อถือ ชุดเดิมจะอยู่กี่คน ถ้าประชาชนไม่เชื่อถือ ก็ทำงานได้ลำบากมาก
หาก กกต.ยังยืนยันไม่ลาออก จะเกิดความเหลื่อมล้ำและเป็นปัญหาหรือไม่นั้น ผมขอเรียนว่า กกต.มีหน้าที่ต้องเลือกผู้แทนราษฎร ดังนั้น สิทธิและความชอบธรรม คือ ถ้า กกต.ไม่อยู่ และใครจะรับผิดชอบ ถ้าอ้างเรื่องนี้ก็อ้างได้ แต่สังคมมองภาพขณะนี้คือว่า รับอะไร ไม่รับอะไร การทำงานตามกฎหมาย แต่คนทั่วไปไม่รับ คิดว่าจะทำไปทำไม ก็มีหลายฝ่ายบอกให้เสียสละ ถ้าท่านเห็นว่าบ้านเมืองขณะนี้ ต้องการคนกลางมาดู ก็ควรพิจารณาดู ถ้าไปบังคับให้ กกต.ออก คงไม่มีใครทำ แต่อยากให้มองด้วยเหตุและผล มองด้วยความเป็นจริง คิดว่า กกต.คงคิดอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของจิตใจของแต่ละท่าน ก็หวังว่า จะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จในอนาคตได้ นายผัน กล่าว
สำหรับกรอบเวลาในการจัดกระบวนการของ กกต.นั้น นายผัน กล่าวว่า คงไม่สามารถตอบได้ แต่ตอบได้เพียงว่า จะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้รีบด่วนและต่อเนื่อง อะไรมีปัญหาก็รีบแก้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุด ก็คือ กกต.ชุดนี้นั่นเอง มีบางเสียงบอกว่า อยากให้ศาลมีบทบาททั้งหมด ทั้งจัดการเลือกตั้ง ให้ใบเหลือง-ใบแดง จนกระทั่งเปิดสภาชุดใหม่ ซึ่งการเสนอความเห็นเช่นนี้ หมายถึง การนำผู้พิพากษาจากศาลฎีกา ก็คือ กกต.เพราะคนอื่นเข้าไปไม่ได้ ที่ร้องขอให้ศาลเข้าไปก็คงเป็นเรื่องนี้ คือ ให้ กกต.ร้องขอให้ศาลฎีกาเข้าไปทำหน้าที่นี้
นอกจากนี้ นายผัน ยังกล่าวอีกว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ถือเป็นบรรทัดฐานได้ตลอดไป ตนเชื่อว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ เป็นการเริ่มต้นเพื่อให้นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ และทำให้เรียบร้อย ตามที่ประชาชนต้องการอยากได้ ทั้งหมดนี้ก็คงรู้ว่า ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน