ทรท.โต้ผลสอบจ้างพรรคเล็กเป็นเท็จ ยุ พี่หนา เปิดเทปซัด ปชป.บ้าง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2549 15:25 น.

ทรท.แน่มาก ออกโรงโต้ผลสอบอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต. ปฏิเสธเสียงแข็ง ยัน ทักษิณ-ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์ เป็นคนดีไม่เคยทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นแน่ โวยถูกขบวนการบ่อนทำลายจากอนุ กก.บางคนที่ใกล้ชิด ปชป.วอน พี่หนา เปิดเทปลับซัด ปชป.บ้าง ลั่นตายเป็นตายดัน ลูกพี่แม้ว ลงเลือกตั้งแน่ กร้าวใส่ 3 ศาลยันไม่มีอำนาจสั่ง กกต.ให้ทำตาม

วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงตอบโต้กรณีผลสรุปของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยระบุมีแกนนำระดับสูงของพรรคไทยรักไทยเข้าไปเกี่ยวข้องมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคว่า โดยย้ำว่าเป็นแผนทำลาย โดยอ้างว่ามีอนุกรรมการบางคนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง

รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ตั้งข้อสังเกตว่า ผลสอบชุดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเผยแพร่บนหน้าสื่อแทบทุกฉบับ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องเดิมที่เคยเอามาเผยแพร่แล้วครั้งหนึ่งและเงียบหายไป แต่ปรากฏว่า วานนี้ (10 พ.ค.) นายบุญทวีศักดิ์ อมรศิลป์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย และนายวรรธฤทธิ์ ตันติภิรมณ์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ได้นำเทปลับการเจรจาของ นายไทกร พลสุวรรณ ซึ่งเป็นนอมินีของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย และขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ก็ออกมาพูดถึงเทปลับที่ระบุถึงกระบวนการการเลือกตั้งอย่างชัดเจน และข่าวเรื่องเดิมก็ถูกหยิบยกขึ้นมา

นายจตุพร กล่าวว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีกระบวนการปล่อยเอกสารอย่างเป็นขบวนการ และตลอดเวลาที่ผ่านมา กกต.และอนุฯ กกต.ยังไม่เคยเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวหาตามที่ปรากฏชื่อ ไม่ว่าจะเป็น พล.อธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือแม้กระทั่งนายทหารคนอื่นๆ ไปชี้แจงสอบสวนแม้แต่ครั้งเดียว

วันนี้ไม่มีอะไรยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารจริงหรือเท็จ ผมจึงอยากถามไปยัง กกต.ว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารจริงและมีอยู่จริงหรือไม่ ถ้าไม่มีอยู่จริงพรรคไทยรักไทยจะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะเรื่องนี้สร้างให้เกิดความเสียหายกับพรรค และใช้เรื่องนี้เพื่อกลบข้อกล่าวหาที่ตนเคยพูดไว้ว่ามีการจ้างพรรคเล็ก 15 ล้าน และที่มากกว่านั้น ยังมีอนุกรรมการบางคนที่เป็นตำรวจเป็นคนใกล้ชิดกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นออกมาแสดงตนซะก่อนที่ผมจะระบุชื่อ เพราะเอกสารชิ้นนี้มีไม่กี่ช่องทางที่จะออกมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของพรรคไทยรักไทย และอยากให้ กกต.ได้ตรวจสอบกระบวนการดังกล่าว และเหตุใดไม่เชิญผู้ถูกพาดพิงไปสอบสวนเลย และอยากร้องขอให้ พล.ต.อ.วาสนา ว่า ไม่ต้องรอให้เสียชีวิตไปก่อนจึงเปิดเผยข้อเท็จจริง แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติควรเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะคนชั่วต้องไม่ได้เหยียบบันไดสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ผู้นี้ระบุ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นความเท็จมาตั้งแต่แรก เพราะในการกระบวนการสอบสวนไม่เคยมีการเชิญพรรคไทยรักไทยไปให้ข้อมูล ถ้าเชิญมาพรรคไทยรักไทยพร้อมไปอยู่แล้ว เรื่องเป็นความเท็จ เป็นความเท็จวันยังค่ำ และเหมือนกับว่าผลการสอบสวนเป็นเพียงการแก้คำร้องเรียนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฉบับก๊อบแล้วมาเปลี่ยนหัวเท่านั้นเอง ซึ่งตนก็มีวีซีดีที่ชัดเจนมาก ระบุถึงตัวละครของพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนว่ามีการจ้างให้มาทำลายพรรคไทยรักไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าสิ่งที่เผยแพร่มาเป็นความจริง แสดงว่า กกต.จะต้องแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ และมีโทษถึงขั้นยุบพรรค นายจตุพร กล่าวว่า คนที่ถูกระบุชื่อในนั้นต้องไปให้ปากคำก่อน ไม่เช่นนั้นใครกล่าวหาอะไรก็ได้ หัวหน้าพรรคจะต้องไปรับข้อกล่าวหาหมด ถ้าเป็นเรื่องจริง ทุกคนที่มีชื่ออยู่พร้อมจะไปให้ปากคำอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายจตุพรยังนำวีซีดีที่มีภาพการหารือกันของคนกลุ่มหนึ่งมาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยมีการซูมไปที่หน้าของชายคนหนึ่ง โดยนายจตุพรอ้างว่าคือ นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำพันธมิตรกู้ชาติอีสาน ซึ่งมีความสนิทสนมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กำลังพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดเล็กพรรคหนึ่ง โดยเนื้อหาในการสนทนาเป็นการต่อรองราคา และผลประโยชน์ในการขายข้อมูลการกล่าวหาพรรคการเมืองพรรคหนึ่งซึ่งว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทางหนีทีไล่ และที่หลบซ่อนตัว ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงชื่อเล่นของนักการเมืองหลายคน อาทิ พี่จ้อน ที่เพชรบุรี และ ท่านเลขาฯ

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.เรียกประชุมพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งในวันจันทร์ที่ 15 พ.ค.นี้ ว่า เป็นที่น่าเสียดายหลังจากที่ กกต.ได้นัดหมายเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค พรรคชาติไทยก็แสดงความจำนงว่าจะไม่ไป พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งทุกพรรคเคยประกาศว่าน้อมคำสั่งของ 3 ศาล ซึ่งก็มีคำสั่งที่ชัดเจนแล้ว ไม่น่าจะไปสร้างเงื่อนไขใหม่

ถ้าคิดว่าการได้เปรียบเสียเปรียบเรื่องวันเวลาการเลือกตั้ง ก็ขอให้ไปเจรจากัน พรรคไทยรักไทยไม่ขัดข้อง ซึ่งเบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าการคิดว่าการอ่านหนังสือไม่ออก แล้วต้องใส่แว่นจึงจะอ่านออก ก็เหมือนกับว่าเวลาเลือกตั้งนานแล้วคนจะเลือก ก็ไปเจรจากันได้ เพราะตนเข้าใจว่าถ้าไม่เลือก 100 วันก็ไม่เลือก และถ้าไม่ไปจะเป็นคำถามกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมว่าจะมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่ เพราะตามมติของศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.กับรัฐบาลไปกำหนดวันเลือกตั้ง ความจริงทั้งสององค์กรจะไม่นัดใครคุยเลยก็ได้ แต่ไม่ต้องการให้ประเทศชาติเกิดขึ้นมาอีก จึงอยากขอร้องให้หัวหน้าพรรคชาติไทยไปพิจารณาใหม่ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พรรคไทยรักไทยวิเคราะห์อย่างไรกับคำแนะของของ 3 ศาลให้ กกต.เสียสละออกจากตำแหน่งเพื่อสรรหาคนมาทำหน้าที่ กกต.และจัดการเลือกตั้งใหม่ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่การประชุมและมีมติ เป็นเพียงความเห็นของนายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการศาลฎีกา และทีมวิชาการ ไม่ได้เป็นมติ และมติก็ไม่ได้มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว และข้อแถลงของนายจรัญ ถ้าอ่านโดยจบไม่ได้เป็นมติ ทุกอย่างจึงเป็นสิทธิของ กกต.เพราะเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ซึ่งจากการฟังนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต.ก็ยินดีให้ศาลมาจัดการเลือกตั้ง เพราะหนนี้การเลือกตั้งไม่ชอบกรณีเดียว คือ การจัดคูหาการเลือกตั้ง แต่เราต้องเคารพในสิทธิและอำนาจการอยู่หรือไปของ กกต.มีระบุชัดในกฎหมายอยู่แล้ว และถ้ามาตั้งเงื่อนไนี้กันต่อ มันก็จะไม่จบ

นายจตุพร ยังกล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทันใดที่มีข่าวออกมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกทันทีว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนอกจาก กกต.และพรรคไทยรักไทย แม้ว่าจะไม่ได้ชี้ตรงมาที่พรรคไทยรักไทย แต่ก็ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ว่าผู้ทีมีส่วนเกี่ยวข้องคือ กกต.และพรรคไทยรักไทย ทั้งๆ ที่พรรคไทยรักไทย และ กกต.ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับกรณีนี้เลย แต่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่ได้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์พรรคและได้รับความเห็นอกเห็นใจไปเต็มๆ และตนพยายามที่จะไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะสร้างสถานการณ์ยิงพรรคตัวเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน และจับกุมโดยเร็ว เพราะจะได้รู้ว่าคนร้ายตัวจริงคือมือที่เท่าไรกันแน่

นายจตุพร กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามจุดยืนการเว้นวรรคในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนขอเรียนว่า คนที่ไม่มีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตย โดยการเสนอนายกฯ มาตรา 7 นั้น ไม่มีสิทธิไปเรียกร้องให้คนอื่นแสดงจุดยืน และเรื่องประกาศไม่เว้นวรรคถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้บริหารพรรคที่จะตัดสินใจ นอกจากนี้ มีการให้ข่าวจาก นายสุเทพ ว่า จะมีการระดมทุน 400 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง จึงขอถามนายอภิสิทธ์ว่าจะเอาเงินส่วนนี้มาจากไหน ใครเป็นผู้บริจาคและมีวิธีการระดมทุนอย่างไร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะมีการแสดงรายการบริจาคที่ต้องแสดงบัญชีต่อ กกต.หรือไม่ เพื่อความถูกต้องโดยพรรคไทยรักไทยไม่มีความอิจฉาใดๆ ทั้งสิ้น

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีจุดยืนต่อต้านไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในวงการเมือง ว่า พันธมิตรฯไม่ได้น้อมนำฟังพระราชดำรัสที่ทรงต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ก้าวพ้นจากวิกฤต ทั้งที่พรรคไทยรักไทยพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของ 3 ศาล โดยไม่มีเงื่อนไข และวันนี้พันธมิตรฯยังแสดงความอหังการในการกำหนดว่าใครที่จะเล่นการเมืองได้ ตนจึงอยากถามว่า พันธมิตรฯเป็นใคร จึงจะมากำหนดอนาคตของประเทศ ใครจะลงเล่นการเมืองกลุ่มพันธมิตรฯ อนุมัติก่อนใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีลายเซ็นของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯแล้วไม่มีสิทธิลงเลือกตั้งใช่หรือไม่ การทำอย่างนี้ไม่มากไปหน่อยหรือ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่งเกิดบนแผ่นดินไทย มีสิทธิเท่ากับคนไทยอื่นๆ และยังเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มาสมาชิกมากที่สุด จึงมีความชอบธรรมที่จะลงเล่นการเมือง

เป้าหมายของพันธมิตรฯ คือ ทำลายพรรคไทยรักไทย โดยการทำลายที่หัวใจของพรรคก่อน แล้วจากนั้นก็คือพรรคติดต่อกันเป็นโดมิโน ดังนั้น แผนการตื้นๆ แบบนี้ไม่มีทางที่จะสำเร็จได้ เพราะสมาชิกจากพรรคไทยรักไทยจะสู้ชนิดที่ว่าตายเป็นตายก็แล้วกัน ผมอยากถามว่าพันธมิตรฯเคยแสดงความละอายต่อการขอนายกฯมาตรา 7 บ้าง กลุ่มพันธมิตรฯเคยแสดงความรับผิดชอบอะไรกับการกู้ชาติบ้าง วันนี้ผมเห็นว่าพวกที่ต้องไปจากสังคมนี้คือพันธมิตรฯ ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าว