ตำแหน่ง รมว.กลาโหมที่มีแคนดิเดตอยู่ถึง 3 คนคือ พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ตท.1 พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ตท.3 และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ตท.6 อยากให้ใครมาเป็นมากที่สุด พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า “อยากได้ พล.อ.บุญรอดเป็นรัฐมนตรีกลาโหม”
“บุญรอด” ยันต้องการความสมานฉันท์
ด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนยืนยันว่าตำแหน่งรมว.กลาโหมจะต้องเป็นคนของพรรคพลังประชาชน ซึ่งไม่ตรงกับแนวคิดของ คมช.ที่เสนอไปว่า หาก รมว.กลาโหมเป็นคนของพรรคพลังประชาชน เราก็จะไม่ผิดหวัง และต่อไปนี้ขอให้เป็นเรื่องของการเมืองที่จะตั้งใครก็ได้มาเป็น รมว.กลาโหม ที่เราส่งสัญญาณออกไปไม่ถึงกับเป็นสเปก แต่หากต้องการความสมานฉันท์ และไม่อยากเห็นความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ควรนำคนที่พูดกับทหารรู้เรื่องมาเป็น รมว.กลาโหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเลือกคนไว้วางใจหรือคนที่สั่งการได้มาเป็นใช่หรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า
คิดว่าเขาต้องใช้คนที่เข้ากับกองทัพได้ และต้องเป็นนายทหารที่เคยผ่านระดับสูงมา ซึ่งมีหลายคนที่เข้ากับกองทัพได้ เมื่อถามว่า แสดงว่าขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังอ่อนเข้าหากันเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า คนฉลาดต้องพยายามที่จะให้ประเทศชาติเดินต่อไป ตอนนี้ต้องเดินไป แม้ว่าจะสะดุดล้มลงก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ใช่ว่าหยุดจนไปไม่ได้
บอกอิมพอสซิเบิลคุมกลาโหมอีกรอบ
เมื่อถามว่า ถ้ามีการขอร้องให้ พล.อ.บุญรอดกลับมาเป็น รมว.กลาโหมอีกครั้งเพื่อความสมานฉันท์จะว่าอย่างไร พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า อย่าใช้คำว่า “ถ้า” เลย รัฐบาลชุดนี้มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน และตอนนี้เหมือนกับมองฟ้า ไม่มีเมฆ ไม่มีหมอกเลย เป็น “อิมพอสซิเบิล”