เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรที่จะทำให้เกิดความ ปรองดองสมานฉันท์ ภายหลังจากที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯ ว่า การปฏิบัติงานของฝ่ายนิติบัญญัติต้องเข้าใจบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรวางตัวเป็นกลาง และไม่ได้มีวาระทางการเมือง ไม่มีการครอบงำจากพรรคการเมืองหรือจากที่ไหนก็ตาม โอกาสที่จะสร้างความสมานฉันท์ในการทำงานในสภาก็เป็นได้ แต่หากยังถูกครบงำอยู่ ยังกลัวการตรวจสอบ และเป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารก็เกิดความสมานฉันท์ไม่ได้ ดังนั้น จะต้องติดตามดูต่อไปว่าการปฏิบัติหน้าที่ใช้หลักคิดอะไร คงเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นตั้งแต่เรื่องการทำงานของคณะกรรมาธิการว่าจะให้บทบาทกับฝ่ายต่างๆ อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้ ขออย่าให้มีธงจากข้างนอกเข้ามาแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ระบุว่าคนที่จะเป็น รมว.กลาโหม อยากให้คนที่เคยเป็นทหารมาก่อน
นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถือเป็นความเห็น แต่คนที่จะจัดตั้งรัฐบาลต้องตัดสินใจ และต้องอธิบายได้ ส่วนกรณี คมช.กลัวถูกเช็กบิล จึงต้องการให้ทหารมาเป็น รมว.กลาโหมนั้น ในแง่ของการ เลือกตัวบุคคลเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นนายกฯ จะเป็นคนกลาง สังกัดพรรคหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าปฏิบัติต่อกองทัพอย่างไร เพราะกองทัพเป็นหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามนโยบาย สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นซ้ำซากคือ ความพยายามที่จะใช้กองทัพ ตำรวจ หรือข้าราชการในส่วนอื่นๆ มาเป็นฐานทางการเมือง อย่าเอาการเมืองเข้าไปในกองทัพ ควรให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นภารกิจสำคัญตามปกติ