อภิสิทธิ์ จี้ต่อมสำนึก กกต.ทบทวนตัวเอง คลี่คลายวิกฤตชาติ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2549 11:19 น.

อภิสิทธิ์ ไล่ กกต.กลับไปอ่านคำวิจิฉัยของศาล ก่อนจะมาหารือรวบรัดตัดตอนกำหนดวันเลือกตั้งโดยที่ไม่มีความชัดเจน ย้ำขณะนี้ทุกฝ่ายรอท่าทีที่ชัดเจนจาก กกต.เพื่อคลี่คลายวิกฤตประเทศ

วันนี้ (11 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชิญพรรคการเมืองไปร่วมหารือกำหนดวันเลือกตั้งว่า ก่อนที่จะไปถึงกำหนดวันเลือกตั้ง เราอยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนของ กกต. เพราะ กกต.ต้องไม่ลืมว่าการที่คลี่คลายวิกฤตทั้งหมดในขณะนี้สืบเนื่องมาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และศาลก็เป็นผู้รับภารกิจมาเพื่อคลี่คลายวิกฤตทั้งหลาย ซึ่งศาลก็ได้ชี้ชัดว่าการจะคลี่คลายวิกฤตได้สำเร็จจะต้องมีการเลือกตั้งและต้องมีสภา โดยจะต้องมาจากการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งศาลก็ได้ชี้ทางให้ กกต.ดำเนินการตรงนี้แล้ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดังนั้นก่อนที่จะกำหนดวันเลือกตั้งแสดงท่าทีของการน้อมรับความเห็นของศาลที่สืบเนื่องมาจากกระแสพระราชดำรัส เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามคลี่คลายปัญหา ฝ่ายค้านก็ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งทันที ขณะที่พรรคไทยรักไทยก็จะไม่ดึงดันที่จะเปิดสภาและขณะนี้ก็ได้ยกเลิกความคิดที่จะฟ้องศาลแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกฝ่ายจึงรอแต่ท่าทีของ กกต. เพราะอยากเห็นท่าทีและบรรยากาศที่นำไปสู่ความร่วมมือที่คลี่คลายวิกฤตได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.มีท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลาออกและจะจัดการเลือกตั้งต่อไป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องให้เวลา กกต.กลับไปทบทวน โดยเอาแนวทางที่ศาลกำหนดมาทบทวนและประมวลสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ย้อนกลับไปฟังมติของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าลืมว่ามีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และผลการหารือของทั้งสามศาล รวมถึงคดีที่ยังอยู่ในศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ที่เกี่ยวข้องกับ กกต.อยู่ด้วย ดังนั้น กกต.นำทั้งหมดไปหาแนวทางตัดสินใจว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป และยังเหลือเวลาอีกหลายวันให้ กกต.ตัดสินใจ

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.จะพักการทำงาน และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กรรมการ กกต.ทำหน้าที่แทน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่สุดก็จะไปสู่กระบวนการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องมีองค์ประชุม 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ซึ่งหมายถึงทุกคนต้องอยู่ กกต.จะต้องทำหน้าที่เป็นคณะ

ส่วนผลสอบสวนของคณะอนุกรรมการ กกต.เรื่องการจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง จะเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ กกต.มีความชัดเจมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่ทราบคือ กกต.ตั้งอนุฯ ไปสอบเพิ่มภายใน 10 วัน เมื่อเสร็จแล้ว กกต.ต้องชัดเจน่าจะต้องทำอย่างไร และควรนำรายงานเหล่านี้เอาเข้าที่ประชุม และตัดสินใจโดยเร็ว

ต่อข้อถามที่ว่า พล.ต.อ.วาสนา ระบุว่า มีพรรคการเมืองไปว่าจ้างพรรคเล็กเพื่อใส่ความ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า กกต.เอาหลักฐานมาจากไหน เพราะทั้งหมดต้องมีหลักฐานประกอบกับกันเพื่อให้เห็นภาพ ซึ่งเราก็อยากเห็นการทำหน้าที่ของ กกต.อย่างสุจริตเที่ยงธรรม และเป็นกลาง

เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วควรจะมี กกต.ใหม่มาจัดการเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ให้เวลา กกต.กลับไปดูภาพรวมทั้งหมด ไปฟังศาลทุกศาล ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ตนคิดว่าในวันที่ 15 พ.ค.ควรจะประชุมเรื่องนี้ก่อน ไม่ใช่ไปรวบรัดตัดตอน ไปประชุมกำหนดวันเลือกตั้งแล้วเดินหน้าไปโดยไม่มีความชัดเจนว่าได้สนองตอบแนวทางของศาลที่วางไว้อย่างไร

ส่วน กกต.จะเปลี่ยนใจลาออกหรือไม่ คงต้องให้เวลา เพราะบางครั้งมีแรงกดดันและมีการวิพากษ์วิจารณ์ก็จะเกิดอารมณ์ แต่หากย้อนกลับไปตั้งสติคิดหาสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับบ้านเมืองและประวัติของตัวท่านเอง และหาก กกต.ลาออกเราก็มีช่องทางที่จะหา กกต.ใหม่ กระบวนการสรรหาไม่ชักช้า ส่วนจะเกิน 90 วันจนทำให้ ส.ส.สามารถย้ายพรรคได้หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือทำอย่างไรให้จัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ยังไม่ความชัดเจนและจะยังเว้นวรรคต่อไป พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ไปร่วมหารือกำหนดวันเลือกตั้งใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคคิดว่าน่าจะเวทีที่จะนำประเด็นเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมมาเป็นประเด็นหารือกันมากกว่าการหารือเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะชูเป็นผู้นำในการปฎิรูปการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าใครจะเป็นผู้นำในการปฏิรูปการเมืองนอกจากประชาชน พรรคการเมืองและรัฐบาลมีหน้าที่เข้าไปจัดกระบวนการ แต่ผู้นำการปฏิรูปจะต้องมาจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และอยากให้ทุกพรรคมีหลักการแบบนี้