สุรยุทธ์ เปิดบ้านเขายายเที่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (20 ม.ค.) 

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ได้เปิดบ้านเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ให้สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เข้าเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ได้พาผู้สื่อข่าวเดินชมตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณชะง่อนผาใต้ต้นไทร ซึ่งเป็นมุมโปรด เพราะสามารถมองเห็นจุดชมวิวของเขื่อนลำตะคองและ อ.เขาช่อง ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังพาไปชมบ้านพักของนายไพโรจน์ รัตตกุล ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันด้วย โดย พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่า สื่อมวลชนเข้าใจว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นโบกี้รถไฟด้วย โดย พล.อ. สุรยุทธ์ใช้เวลาในการพาสื่อมวลเดินชมบริเวณบ้านเนื้อที่ 21 ไร่ ประมาณ 45 นาที ก่อนที่จะไปนั่งบนเสื่อพูดคุย และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน 

ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อหมดภาระการเป็นนายกฯ จะมาใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเขายายเที่ยง

เพราะมาแล้วสบายใจ อยู่กับธรรมชาติ อายุมากอยู่กับ ต้นไม้ต้นไร่ มันไม่ทำร้ายเรา การเชิญสื่อมวลชนมาครั้งนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับการตรวจสอบของ สนช. แต่เป็นส่วนหนึ่งที่พูดแล้วจะต้องรักษาคำพูด ที่จะให้สื่อมวลชนมาดู เรื่องโบกี้รถไฟก็พาเดินดูหมดก็ไม่มี ส่วนเรื่องการตรวจสอบเรื่องการถือครองที่ดินนั้น ต้องรอคำตัดสินกรมป่าไม้ 


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างนั่งรับประทานอาหาร หลังจากลงจากตำแหน่งนายกฯ คงจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว

เพราะในชีวิตไม่เคยชอบและคิดที่จะเข้ามาเล่นการเมือง เพราะครอบครัวเจ็บปวดกับการเมืองมามาก คุณตาของตนก็ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนพ่อก็ไปเสียชีวิตที่ประเทศจีน ครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วยกัน จึงรู้ดีถึงความสูญเสีย ก็ไม่อยากให้ครอบครัวและลูก ต้องรู้สึกสูญเสียเหมือนอย่างตน เมื่อลงจากตำแหน่งไป และมีรัฐบาลใหม่เข้ามา แม้นโยบายที่ดีๆจะเปลี่ยนไป ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ เพราะแต่ละคนทำไม่เหมือนกัน คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้มาเป็นที่ปรึกษาหรืออะไรก็ไม่ขอรับ เพราะเข็ดกับการเมืองมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเข็ดตอนนี้ 


พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน มักกล่าวพาดพิง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า

เรื่องนี้ก็ไม่รู้ เพราะเรื่องเก่าของเก่าก็ไม่มีอะไรมากมาย อย่างที่รู้กันอยู่ว่า พล.อ.เปรมไม่ค่อยเป็นคนพูดจาอะไร จึงไม่รู้เบื้องลึกว่าเป็นเรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังทางการเมืองหลายเหตุการณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่แน่ใจว่าข่าวที่ออกมาเป็นอย่างไร ผู้ให้ข่าวคิดอย่างไร แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือในฐานะที่ท่านเป็นประธานองคมนตรี ก็ไม่ควรให้มายุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ผู้ให้ข่าวควรระมัดระวัง เพราะมันลำบากที่จะไม่เชื่อมโยงไปถึงสถาบัน ถ้าเราไม่ระมัดระวังก็เหมือนกับว่า เรารักเหลือเกิน แต่เราไม่ช่วยกันทำ ไม่ปฏิบัติ พระองค์ท่านก็เหนื่อย พระพลานามัยก็เห็นกันอยู่ ยังไม่มีพระพละกำลัง อยู่ที่คนไทยว่าจะช่วยกันอย่างไร ก็ต้องฝากไว้ด้วย สิ่งที่เชื่อมโยงกับสถาบันก็ให้ ระมัดระวัง ไม่ทำได้ก็จะดี หรือเบาๆลงก็จะดี เมื่อถามว่า คิดว่านายสมัครจะเพลาเรื่องนี้ลงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า “ผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร” 



ต่อข้อถามว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะต้องกลับมาพิสูจน์ตัวเองได้หรือยัง

พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเป็นไปได้มาต่อสู้คดีก็เป็นสิ่งที่ดี เมื่อถามว่าคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีอิทธิพลและบารมีทางการเมืองไทยหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า อย่างน้อย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯมา 6 ปี คงมีพวกและเพื่อนอยู่ รวมทั้งมีเงินด้วย เป็นสิ่งที่คิดว่าเป็นที่มองกันในสังคมคนอยู่ในฐานะอย่างนี้ก็น่าจะมีบารมี มีอิทธิพลได้ เมื่อไปถามชาวบ้านส่วนหนึ่งก็เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นที่ยอมรับและชื่นชอบอยู่ 


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า การเมืองบ้านเราขณะนี้ มองในเรื่องของเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะสามารถคลี่คลายปัญหาลงไปได้

ถ้าเราไม่ไปทำอะไรใหม่ขึ้นมาอีก บาดแผลมันใช้เวลารักษาได้ ถ้าเราไม่ไปขยายแผล เสียงส่วนน้อยก็ต้องปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องเคารพเสียงส่วนน้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เมื่อถามว่าขณะนี้คิดว่านายกฯจะเป็นใคร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้อนาคต แต่ที่นายสมัครตอบดีที่สุดแล้ว คือการเลือกนายกฯต้องไปเลือกกันในสภาฯอยู่แล้ว โดย ส.ส.จะโหวตเลือก 


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ได้รับรายงานผลการสอบสวนคดีฆ่าตัดตอน จากคณะกรรมการที่มีนายคณิต ณ นครเป็นประธานแล้ว สามารถที่จะดำเนินคดีต่อได้เพียง 2-3 รายเท่านั้น

เนื่องจากผู้เสียชีวิตและญาติส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีหลักฐานที่จะเชื่อมโยงเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้เขาก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลมีขีดจำกัด เช่นเดียวกับคดีของนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน เราทำได้ แต่เพียงคิดว่าเป็นคนนั้นคนนี้ แต่หาหลักฐานอะไรไม่ได้ ไม่มีชิ้นส่วนหลงเหลือ เหมือนกับทุกอย่างหายสาบสูญไปในอากาศ

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องคดีนายสมชายเป็นคนในเครื่องแบบ

พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า อย่างที่บอกว่าเมื่อเขาเป็นข้าราชการ แล้วเข้ามาเกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องลำบากที่จะเอาผิด เพราะเขารู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร และนายกฯคงจะไปล้วงลึกในรายละเอียดไม่ได้ เพราะหลักฐานหายสาบสูญไปแล้ว เช่นเดียวกับคดีเพชรซาอุฯที่ใช้เวลานานถึง 18 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้ทำผิดได้ เพียงแต่ในเบื้องลึกเรารู้ว่าเป็นคนคนนี้ แต่ก็ไม่สามารถจะเอาผิดได้เพราะไม่มีหลักฐาน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์