ศาลยกฟ้อง อลงกรณ์ หมิ่น สมัคร


ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกวันนี้ ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาท ที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยโจทก์ฟ้องคดีนี้

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2549 ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2549 จำเลยได้หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแขนงต่างๆทำนองว่า จำเลยได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆในการจัดซื้อครุภัณฑ์ยานพาหนะและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย (รถดับเพลิง) 15 รายการมูลค่า 6,687,489,000 บาท ของกรุงเทพมหานคร ระหว่างตัวที่โจทก์ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค จำกัด ประเทศออสเตรีย และมีการลงนามไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค.47 พบว่าไม่โปร่งใสส่อทุจริตสมรู้ร่วมคิดเป็นขบวนการทำให้รัฐต้องเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท จึงขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เข้าไปตรวจสอบโจทก์และนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ บุคคลและนิติบุคคลที่มีสัญชาติไทยและต่างชาติว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่ ดังนั้น การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นว่าเป็นคนไม่ดีไม่สุจริต จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย


คดีนี้ ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล จึงให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า จำเลยในฐานะนักการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบพรรค ข้อ 1.3 และ1.6 ที่กำหนดไว้ว่าสมาชิกพรรคมีหน้าที่ป้องกันขจัดการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงและขจัดความไม่เป็นธรรมในหน่วยงานราชการ นอกจากนี้โจทก์ยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริต จึงยื่นหนังสือถึง ปปช.ให้ตรวจสอบ ซึ่งตรงกับผลการตรวจสอบของ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ซึ่งนายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส.ก็ได้แถลงต่อสื่อมวลชน สรุปว่าการจัดซื้อยานพาหนะดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยซึ่งดำเนินการโดยบุคคลหลายฝ่าย ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการลงนาม รวมทั้งข้อตกลงซื้อขายมีมูล น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำร่วมกันที่ส่อไปในทางทุจริตเป็นเหตุให้มีการจัดซื้อในราคาที่สูงเกินความจริงจึงสนับสนุนให้เห็นว่าเอกสารที่จำเลยรวบรวมมามีเค้ามูลที่ทำให้จำเลยเข้าใจและเชื่อไปตามที่รับทราบมา


กรณีมิใช่เป็นการปั้นแต่งเรื่องใส่ร้ายโจทก์แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นในการปฏิบัติงานของโจทก์ซึ่งจำเลยย่อมมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยเค้ามูลดังกล่าวเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนที่ย่อมกระทำได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์