โพล ชี้ ผลส่วนใหญ่จี้ กกต.ลาออก รับผิดจัดเลือกตั้ง 2 เม.ย.ขัด กม.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤษภาคม 2549 22:06 น.

เอแบคโพลล์ เผย ผลสำรวจ ระบุ ส่วนใหญ่ให้ความสนใจต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของ กกต.อยู่ที่ร้อยละ 31 เท่านั่น ส่วนผลตัวอย่างเกินครึ่งสมควรให้ลาออก หลังศาลวินิจฉัยเพิกถอนเลือกตั้ง 2 เม.ย.เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

วันนี้ (9 พ.ค.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า การจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2549 จนถึงปัจจุบัน ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในหัวข้อ สำรวจความเห็นที่แตกต่างของสาธารณชนในเรื่องการเมือง ภายหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการจัดการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 1,695 ตัวอย่าง พบว่า

ตัวอย่าง ซึ่งร้อยละ 52.3 เป็นหญิง และร้อยละ 47.7 เป็นชาย ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 50.6 มีพฤติกรรมการติดตามข่าวการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ทุกวัน/เกือบทุกวัน ร้อยละ 23.9 ติดตาม 3-4 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 18.6 ติดตาม 1-2 วันต่อสัปดาห์ ในขณะที่ ร้อยละ 3.0 ติดตามข่าวการเมืองน้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ และร้อยละ 3.9 ไม่ได้ติดตามเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 97.7 รู้สึกว่า การเมืองเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ รองลงมา คือ ร้อยละ 89.5 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจากันถึงที่สุด ขณะที่ ร้อยละ 73.9 กำลังรู้สึกเบื่อหน่ายต่อเรื่องการเมือง ร้อยละ 73.7 รู้สึกวิตกกังวลต่อเหตุการณ์การเมือง และร้อยละ 45.2 รู้สึกเครียดต่อเรื่องการเมือง

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อการทำงานขององค์กรอิสระ/หน่วยงานราชการ ในการทำหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติต่อพรรคการเมือง พบว่า ความเชื่อมั่นต่อการทำงานของศาลฎีกา ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ของตัวอย่างไม่แตกต่างกัน คือ ร้อยละ 69.6 ร้อยละ 69.3 และร้อยละ 68.4 ตามลำดับ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อการทำงานของ กกต.อยู่ที่ ร้อยละ 31.3 เท่านั้น

เมื่อถามถึงความรับผิดชอบของ กกต.หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ ร้อยละ 52.0 ระบุว่า กกต.ควรลาออก โดยให้เหตุผลว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบแสดงสปิริต/ปัญหาวุ่นวายจะได้ยุติ/เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคมและเด็กเยาวชนรุ่นต่อไป เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 48.0 ระบุว่า ไม่ควรลาออก เพราะจะทำให้สังคมวุ่นวาย/ทำให้การเลือกตั้งล่าช้า เสียเวลา/เป็นเพียงบกพร่องโดยสุจริต เป็นต้น

นอกจากนี้ ตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 75.4 เห็นด้วยกับแนวคิดให้มีคนกลาง และอิสระอย่างแท้จริง มาจัดการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่า จะไม่เกิดความวุ่นวาย/เป็นการแก้ไขปัญหาวิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อองค์กรอิสระ เป็นต้น ขณะที่ ร้อยละ 13.3 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะจะเกิดความวุ่นวายได้อีก/เสียเวลา/เสียงบประมาณ/หายาก เป็นต้น และร้อยละ 11.3 ไม่มีความเห็น