นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงสำนวนการทุจริตการเลือกตั้งที่กกต.จะพิจารณาในวันที่ 14 มกราคมนี้ ว่า
จะเป็นสำนวนของกกต.จำนวน 5 สำนวน และสำนวนของสำนักงานตำรวจสันติบาลอีกจำนวน 8 สำนวน นอกจากนี้ ด้านฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กกต.จะนำเรื่องมารายงานกกต.เพิ่มจำนวนประมาณ 40 ราย ซึ่งจะต้องนำมาตรวจสอบดูก่อนว่าจะสามารถนำไปรวมกับสำนวนที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะยื่นเรื่องกับกกต.เพื่อให้ทางสันติบาลยุติการสอบสวนสำนวนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชนนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ทางสันติบาลได้มอบเอกสารและหลักฐานสำนวนนายยงยุทธ ให้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สันติบาลจึงไม่เกี่ยวข้องกับสำนวนนายยงยุทธแล้ว และการสืบสวนสอบจะปล่อยให้เป็นอำนวจของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งกกต.อยากให้คณะอนุกรรมการฯ ได้ทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชนและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคพลังประชาชน ระบุว่า นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง มีความกดดันในการทำงาน เพราะมีการโยงเรื่องครอบครัวเข้ากับการเมือง จนนางสดศรี กล่าวท้าว่า อยากให้กกต.แจกใบแดงให้พรรคพลังประชาชนจำนวนมากหรือไม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากกต.ทำงานโดยมีการตั้งธงไว้ก่อนนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีกกต.คนใดตั้งธง เพราะการพิจารณาให้ใบเหลืองหรือใบแดง จะเป็นไปตามหลักฐาน และเชื่อมั่นว่านางสดศรีไม่มีเจตนาเช่นนั้น
นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธจะร้องเรียนให้มีการโยกย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย เนื่องจากนายยงยุทธอ้างว่า พล.ต.ต.ทรงธรรม วางตัวไม่เป็นกลาง ว่า ตามมาตรา 57 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น หากเจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง ก็มีการกำหนดบทลงโทษไว้แล้ว แต่ปกติแล้ว หากจะมีการย้ายออกนอกพื้นที่ มักจะเป็นในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐอาจส่งผลเเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้สมัครส.ส.หรือพรรคการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้เขียนไว้กว้างๆ และไม่ได้กำหนดชัดเจนว่า สามารถทำได้เฉพาะช่วงการเลือกตั้ง จึงต้องดูข้อเท็จจริงและรอดูหนังสือของนายยงยุทธก่อน
นายสุทธิพล กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนกรณีการยุบพรรคการเมือง ที่กรรมการบริหารพรรคถูกกกต.ให้ใบแดงว่า ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง กกต. จะตั้งเรื่องขึ้นมาตามขั้นตอนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ คิดว่าหากตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมา คงต้องตั้งแยกเพื่อพิจารณาไปเป็นรายพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกกต.