นักวิชาการ-อดีต ส.ว.บี้ กกต.ลาออกรับผิด ฐานจัดเลือกตั้ง 2 เม.ย.ขัด รธน.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2549 19:20 น.

นักวิชาการ-อดีต ส.ว.ดาหน้าถล่ม! กกต.ยับ จี้ลาออกรับผิดชอบ หลังมติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนเลือกตั้ง 2 เม.ย. ระบุใช้ชุดเดิมจัดเลือกตั้งปัญหาไม่มีทางจบ ชี้ช่องส่งศาลฎีกาสรรหาใหม่ให้วุฒิรับรองได้ ด้านวงในแฉทำหน้าที่ทุกอย่างเอื้อพรรคใหญ่ เผย ทักษิณ โทร.สั่ง วาสนากำหนดวันเลือกตั้ง 2 เม.ย.เอง

วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ นักวิชาการ และอดีต ส.ว.ต่างออกมาประสานเสียงให้ กกต.ลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์อาวุโส ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เมษายน ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่า กกต. ทั้งคณะควรรับผิดชอบลาออกโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่รู้ตัวว่าได้ทำความเสียหายกับการเลือกตั้ง ซึ่งหากไม่ออกเชื่อว่าจะถูกดำเนินคดีหลายคดี ซ้ำซ้อนทั้งความผิดการขึ้นเงินเดือนตัวเอง ซึ่งบางคดีมีโทษถึงติดคุกรออยู่ ดังนั้น ขอให้รีบลาออกไปซะ หากช้าไปคนจะไม่ให้อภัย ลาออกแล้วให้รีบหนีไปเลยก็ได้ แต่หากศาลตัดสินมีความผิดก็ไม่สามารถหลุดพ้นคดีไปได้ นายปราโมทย์ กล่าว

ส่วน นายโสภณ สุภาพงษ์ อดีต ส.ว.กทม. ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่า กกต.ทั้งคณะต้องรับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกทั้งคณะ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงความการดำเนินงานที่ผิดพลาดของ กกต. ทั้งการจัดการเลือกตั้ง และวิธีการเลือกตั้ง ส่วนนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการออก พ.ร.ฎ.ยุบสภา

กรณีนี้ กกต.ควรลาออกทั้งคณะเพื่อให้มีการสรรหา กกต.ชุดใหม่ เพราะทุกฝ่ายไม่มีความมั่นใจ กกต.จะจัดการเลือกตั้งต่อไปด้วยความสุจริต และเที่ยงธรรม ซึ่งจะเป็นปัญหาจะทำให้การเลือกตั้งยุ่งยากขึ้นไปอีก เพราะปัญหาความไม่เชื่อถือใน กกต. นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวว่า การสรรหา กกต.ชุดใหม่สามารถทำได้ทันที ไม่เป็นปัญหา โดยรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัด ให้ศาลฎีกาเป็นผู้สรรหาบุคคลที่เหมาะสมสมเป็น กกต.มา 10 คน ให้วุฒิสภา โดยวุฒิสภาชุดรักษาการเป็นผู้คัดเลือกให้เหลือ 5 คน ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีสภาผู้แทนฯ แต่หาก กกต.ไม่ยอมรับในความผิดพลาดที่ทำก็เป็นความสำนึกรับผิดชอบของ กกต.เอง

ด้าน นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต ส.ว.อุบลฯ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวข้องกับ กกต.ทั้งสิ้นที่กระทำขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก กกต.มีอำนาจไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ และถ้าปรากฏชัดว่า กกต.กระทำความผิด เอื้อประโยชน์ให้คุณกับพรรคการเมืองใด เช่น การติดรูปผู้สมัครพรรคเดียวในคูหาเลือกตั้ง ก็จะมีความผิดเข้ามาตรา 24 ของ กม.เลือกตั้งก็จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับ 2 แสน จำคุก 10 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

นอกจากนี้ หาก กกต.กระทำผิดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นข้อ 1-2 ก็จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 303, ม.304 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ โดยประชาชน 5 หมื่นคนเข้าชื่อ เพราะขณะนี้ไม่มี ป.ป.ช.

แม้จะไม่มี กกต.ดำเนินการเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่จะถึงทางตันอย่างที่เลขาฯ ครม.เข้าใจ เพราะ สามารถสรรหา กกต.ใหม่ได้ทันที ไม่ได้เป็นปัญหา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้กระทำได้ โดยศาลฎีกาเป็นผู้สรรหาผู้เหมาะสมเป็น กกต. 10 คน แม้ไม่มีกรรมการสรรหาที่มาจากพรรคการเมืองก็ตาม โดยเสนอให้วุฒิสภาชุดรักษาการคัดเลือกให้เหลือ 5 คน ส.ว.นิรันดร์ กล่าว ทั้งนี้ กลุ่มนักกฎหมายกำลังร่วมกันร่างคำฟ้องที่จะฟ้องร้อง กกต.ในคดีอาญาในความผิดอย่างน้อย สองกระทงใหญ่ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเอาผิด กกต.ทั้ง 4 คน ในมาตรา 85/8 และมาตรา 24 ของกฎหมายเลือกตั้ง

รายงานข่าววงใน กกต.เปิดเผยว่า มีข้อมูลชัดเจนว่าการกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เมษายน ไม่ได้เป็นมติของที่ประชุม กกต. แต่กระทำโดย 2 คน คือประธาน กกต. และนายกฯ ทักษิณ ผ่านทางโทรศัพท์ และกรณีอนุกรรมการ กกต.สรุปผลสอบสวนพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้ว กกต.มีมติลงโทษให้ยุบพรรคเล็กนั้น มีข้อมูลชัดเจนว่า กกต.เตะถ่วงการสอบสวนขยายผลในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้โยงไปถึงพรรคใหญ่ และกรณี กกต.ลงโทษยุบพรรคเล็ก จะต้องยกเลิกคะแนนบัญชีรายชื่อพรรคเล็กด้วย แต่ กกต.ไม่ได้ดำเนินการ และไม่พิจารณาลงโทษพรรคใหญ่ที่จ้างพรรคเล็กลงสมัคร ทั้งที่ผลสอบอนุกรรมการ กกต.มีหลักฐานชัดเจนโยงถึงนักการเมือง 2 คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคใหญ่ แต่ กกต.ไปประกาศรับรองบัญชีรายชื่อ 99 คนของพรรคใหญ่ ทั้งที่ต้องพิจารณาเอาผิดกับพรรคใหญ่ก่อน ชี้ให้เห็นถึงการกระทำผิดมาตรา 85/8 ของกฎหมายเลือกตั้ง เท่ากับ กกต.ทำงานให้คุณกับผู้สมัครพรรคใหญ่ และกรณีศาลฎีกามีคำสั่งไม่ให้เวียนเทียนรับสมัครใหม่ แต่ กกต.ยังไปดำเนินการเมื่อวันที่ 23 เมษายน ใน 38 เขต เปิดรับสมัครวันที่ 29 เมษายน ถือว่าขัดคำสั่งศาลฎีกา เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย