เติ้งลั่นสัจวาจาร่วมรัฐบาล พปช.

ดับฝัน "ปชป." ตั้งรัฐนาวา "บรรหาร" เลิกเล่นบทปลาไหลลั่นตอบรับเทียบเชิญ "พปช." แล้วไม่ผิดคำพูดแน่

แย้มเขี้ยวการเมืองฟันธงเกมดอง 65 ว่าที่ ส.ส.พปช. ไร้ผล คะแนน “เหลือง-แดง” ไหลรวมพรรคเอสเอ็มอี เชื่อ “ปชป.” ไม่มีวันแซงชนะ “พปช.” ได้ ฟาก “หมอเลี้ยบ” ชี้ถ้า เสียงรัฐบาลเฉียดฉิว ส.ส.สัดส่วนได้นั่งเก้าอี้ รมต. แล้วต้องทิ้งเก้าอี้ผู้แทน เพื่อให้ท้ายขบวนเขยิบมาช่วยโหวตในสภา แฉพิรุธ “กกต.” แจกใบแดงบุรีรัมย์ พร้อมระดมสมองแก้ต่างคดีนอมินี “ทรท.” 15 ม.ค. นี้ แบะท่าพร้อมลอยแพ     “ยุทธตู้เย็น” ขัดมติพรรค ฝ่าย ก.ม. ปูดเพิ่ม    “พยาน” ใบแดงทะแม่ง ๆ มีหมายจับติดตัวแต่อยู่ในอ้อมกอด ตร. ฮึ่มฟ้องดะ “5 เสือ + 700 สันติบาล” ขัดกฎหมาย ด้าน “กกต.” เตรียมประกาศรับรองว่าที่ ส.ส. 6 รายวันพรุ่งนี้ เผย     “กฤษฎีกา” นัดประชุมสำนวนใบแดงแล้ว วอนม็อบบุรีรัมย์ระวังเข้าทางมือที่ 3 แทรกแซงทำสถานการณ์บานปลาย “เจ๊สด” ว้าก“พปช.” ไม่พอใจให้ไปฟ้องศาล ส่วน “สุเมธ” ทำใจอาจต้องปล่อยผีเข้าสภาแล้วตามสอยทีหลัง
    

7ม.ค.กฤษฎีกาถกใบแดงบุรีรัมย์

 เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์กรณีมีชาวบ้านกว่า 2 หมื่นคนชุมนุมกดดันเข้าชื่อถอดถอนนายเกษม วัฒน ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ให้พ้นจากตำแหน่งประธาน กกต.บุรีรัมย์ ว่า กกต.บุรีรัมย์ ได้พยายามชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วว่าได้พิจารณาสำนวนเรื่องร้องเรียนตามหน้าที่และพยานหลักฐาน ส่วนผู้ที่ตัดสินคือ กกต.กลาง และขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ยุติ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา   กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวต่อไปว่า เท่าที่ทราบคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมพิจารณาใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน ในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายสามารถใช้ดุลพินิจว่าการให้ใบแดงของ กกต. มีพยานหลักฐานหรือถูกต้องตามข้อกฎหมายหรือไม่ สามารถทักท้วงได้ และคู่กรณี จะยื่นหลักฐานเอกสาร คัดค้านเพิ่มเติมได้เช่นกัน

เตือนม็อบระวังมือที่สามแทรก

 ส่วนที่มีการระบุว่าสำนวนใบแดงของ กกต. มีการแต่งพยานเท็จเพื่อใส่ร้ายว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน นายประพันธ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งกล่าวหาฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพราะต้องทำตามหน้าที่และข้อเท็จจริง ไม่อยากให้ทุกฝ่ายออกมากดดัน เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่เรียบร้อย และอาจเกิดการสวมรอยของคนบางกลุ่มเพื่อให้สถานการณ์บานปลายได้ ทั้งนี้การเขียนสำนวนของ กกต. ทำในรูปแบบของคณะกรรมการ โดย กกต. จะดูจากสำนวนแล้วมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตามไม่กังวลว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในจังหวัดอื่น ๆ อีก แต่กรณี จ.บุรีรัมย์ ต้องเข้าใจว่ามีการแข่งขันกันรุนแรงของนักการเมืองหลายกลุ่ม
 
ต่อข้อถามว่า ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่า กกต.จังหวัด ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง กกต. ผู้นี้ กล่าวว่า ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะการทำงานของ กกต.ไม่ได้คำนึงว่าใครอยู่พรรคไหน  เราพิจารณาตามสำนวนร้องเรียน

กกต.เตรียมรับรองเพิ่ม 6 ราย

 นายประพันธ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา กกต. ก็ได้ยกคำร้องเรียนของว่าที่ ส.ส. ทั้งของพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในวันที่ 7 ม.ค. จะมีการประชุม กกต. เพื่อประกาศรับรองผู้สมัครอีก 6 คน และพิจารณาสำนวนร้องเรียนที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณากรณีการให้ใบเหลือง นายธนาธร โล่ห์สุนทร ว่าที่ ส.ส.ลำปาง เขต 1 พรรคพลังประชาชน ว่าจะให้เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 13 หรือ 20 ม.ค. ส่วนว่าที่ ส.ส.ลำปาง เขต 1 อีก 2 รายนั้นมีมติให้ยกคำร้อง เนื่องจากมีพยานหลักฐานว่าไม่ได้อยู่ร่วมในงานเลี้ยง
 
กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวด้วยว่า ตัวเลขว่าที่ ส.ส. ที่ไม่ประกาศรับรองผลเป็นเรื่องบังเอิญที่อาจไปสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กกต. ไม่ได้ตั้งธงไว้แต่อย่างใด ขอให้ทุกพรรคสบายใจได้ สำหรับว่าที่ ส.ส. ที่ยังไม่ประกาศรับรอง กกต.กลางได้มอบให้ กกต.จังหวัดพิจารณารับฟังการชี้แจงของว่าที่ ส.ส. เพราะหากให้มาชี้แจงที่ กกต.กลางอาจจะไม่ทัน

“สดศรี” ท้า “พปช.” ฟ้องศาล

 นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนที่เหลือว่า อยากพิจารณาให้เสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความและส่งกลับมาที่ กกต. ภายในวันที่ 21 ม.ค. เพื่อให้ทันต่อการเปิดประชุมสภาในวันที่ 22 ม.ค. แต่หากพิจารณาไม่ทันก็คงต้องมาสอยในภายหลัง ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่านายธนาธรควรจะได้รับใบแดง เพราะรู้เห็นไปร่วมงานเลี้ยงที่มีการแจกเงินชาวบ้าน
 
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กระบวนการให้ใบแดง กกต.กลางไม่จำเป็นต้องเรียกผู้ถูกตัดสิทธิมาชี้แจง หาก กกต.จังหวัดมีการสืบสวนสอบสวนและพบว่ามีหลักฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง เพราะ กกต.กลางได้มอบอำนาจให้ กกต. จังหวัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว ซึ่งในกรณีใบแดงที่ จ.บุรีรัมย์ กกต.จังหวัดได้เรียกทั้ง 3 คนมารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว จากนั้นได้ส่งให้ กกต.กลางเป็นผู้สรุปว่าควรได้ใบแดงหรือไม่ สำหรับม็อบที่บุรีรัมย์นั้นหากพรรคพลังประชาชนยอมรับกติกาก็ไม่น่าสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา และหากคิดว่า กกต. ทำไม่ถูกต้องก็ฟ้องร้องต่อศาลได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่อยากฟันธงว่าพรรคพลังประชาชนอยู่เบื้องหลังม็อบดังกล่าว

สำนวนสันติบาลครึ่งร้อยจ่อคิว

 นางสดศรี เปิดเผยด้วยว่า วันที่ 7 ม.ค. กกต. จะพิจารณาสำนวนต่อเนื่องประมาณ 75 สำนวนที่เหลือ แยกเป็นสำนวนของฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต. ประมาณ 30 สำนวน และของตำรวจสันติบาล 45 สำนวน โดยสำนวน ที่สันติบาลทำนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมในวันดังกล่าวทั้งหมด เหตุที่ต้องรีบพิจารณาสำนวนของว่าที่ ส.ส. ก่อน ส่วนสำนวนที่เกี่ยวกับผู้สมัครที่สอบตกจะพิจารณาหลังจากเปิดสภาไปแล้ว มั่นใจ ว่าก่อนเปิดประชุมสภา กกต. จะพิจารณาสำนวน ได้แล้วเสร็จและได้ ส.ส. ครบร้อยละ 95 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแน่นอน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. วันเดียวกันด้วยว่า มีว่าที่ ส.ส. ที่ได้รับการรับ รองเดินทางมารับใบรับรองการเป็น ส.ส. ในวันที่สองอย่างบางตา และรวมมีผู้มารับใบรับรอง แล้วจำนวน 313 คนเหลือที่ยังไม่มารับใบรับรองเพียง 84 คน

“พปช.” ระดมทีมสู้คดีนอมินี

 ที่พรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงหลังประชุมฝ่ายกฎหมายของพรรคว่า ได้มีการเตรียมข้อมูลชี้แจงต่อศาลฎีกาในการไต่สวนคดีที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องว่าพรรคเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยในวันที่ 15 ม.ค. โดยจะชี้ให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชนตั้งขึ้นมามีนโยบายชัดเจน ส่วนการแจกซีดีก็เน้นเรื่องคำปราศรัยของหัวหน้าพรรคและนโยบายเศรษฐกิจเท่านั้น
 
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าว  ต่อว่า นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายยังได้เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ทบ    ทวนมติแจกใบแดงว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 เพราะพรรคได้รับข้อมูลใหม่ที่มีทั้งเอกสารและซีดีบันทึกคำพูดของ กกต.บุรีรัมย์ว่าไม่เคยเสนอให้ กกต.กลางแจกใบแดง ขัดกับที่ กกต.กลางออกมาระบุว่าการให้ใบแดงเป็นข้อเสนอของ กกต. จังหวัด ซึ่งตามหลักแล้ว กกต.กลางควรเรียกว่าที่ ส.ส. ไปชี้แจงก่อน และอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษาในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงว่าที่ ส.ส. ที่ยังไม่ประกาศรับรองอีก 83 คน
 

แบะท่าลอยแพ “ยุทธ ตู้เย็น”

 นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การแสดงออกของประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และไม่ทราบว่ามีการขนคนมาชุมนุมหรือไม่ ในบางพื้นที่ เช่น ใบเหลืองที่ จ.นครราชสีมา ประชาชนอาจเห็นว่ากระบวนการพิจารณาของ กกต. เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่ที่บุรีรัมย์มีข้อสงสัยหลายอย่าง และเชื่อว่าหาก กกต. พิจารณาอย่างโปร่งใสการชุมนุมคงไม่บานปลายไปในจังหวัดอื่น ๆ ส่วนกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส. แบบสัดส่วน กลุ่ม 1 หากถูกใบแดงจะเป็นผลทำให้พรรคถูกยุบหรือไม่นั้น ยืนยันว่าพรรคได้ห้ามผู้สมัครดำเนินการ 45 ข้อที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ดังนั้นหากมีการกระทำที่นอกเหนือถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่พรรคไม่เห็นด้วย อย่างกรณีนายประแสง มงคลศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุทัย ธานี พรรคเองก็ไม่ได้รับรู้ด้วย อย่างไรก็ตามก่อนที่นายยงยุทธจะเข้าชี้แจงกับ กกต. ในวันที่ 8 ม.ค. นี้ก็จะมาชี้แจงข้อมูลให้พรรครับรู้ก่อน

แฉทูตเมาท์ “พปช.” โดนสกัด

 “การเลือกตั้งครั้งนี้ยากลำบากที่สุดที่เคยพบ ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้นักการทูตประเทศต่าง ๆ เริ่มพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งในประเทศไทยทั้งเรื่องการให้ใบเหลืองใบแดง และกระแสข่าวยุบพรรค แต่ผมชอบมองเชิงบวก และเชื่อว่าประเทศจะยังไม่พบกับความตีบตัน” เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ระบุ
 
นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่แสดงท่าทีที่   ชัดเจนในการร่วมรัฐบาลว่า ตอนนี้ยืนยันว่าอีก 3 พรรคจะรวมกันในการจัดตั้งรัฐบาลและจะรอ  จนกว่าทั้ง 2 พรรคจะแถลงอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าเราอยากได้รัฐบาลมีเสียง 280 เสียงเพื่อให้มีเสถียรภาพในการขับเคลื่อนนโยบาย แต่หากเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มากก็ต้องพิจารณาเรื่องการรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเดิมคิดว่าจะพิจารณาจากคนในก่อน หากเป็นเช่นนั้น ส.ส. สัดส่วนที่ไปเป็นรัฐมนตรีอาจต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้คนที่อยู่ในอันดับต่อไปเลื่อนขึ้นมาเพื่อทำงานในสภาแทน

ลั่นฟ้อง 5 กกต.-700สันติบาล

 นายศุภชัย ใจสมุทร ฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า พรรคได้รับข้อมูลว่า พยานในคดีใบแดงของว่าที่ ส.ส.บุรี รัมย์ ชื่อนายเปียง โดยบุคคลดังกล่าวมีหมายจับของ สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ในข้อหาลักทรัพย์ และปัจจุบันพยานรายนี้ก็อยู่ในความคุ้มครองของตำรวจโดยยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีตามหมายจับ
 
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ว่าที่ ส.ส. แพร่ พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ผู้บริหารพรรคบางส่วน และว่าที่ ส.ส. ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เช่น บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ได้ประชุมประเมินสถานการณ์ และเห็นชอบว่าทางพรรคจะยื่นฟ้อง กกต. และคณะอนุกรรมการสอบสวนของ กกต. ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกว่า 700 นาย ซึ่งมี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นประธาน เนื่องจากขั้นตอนแต่งตั้งผิดระเบียบตามที่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ออกมาเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้

“เติ้ง”การันตีไม่ชิ่งหนี “พปช.”
 
 ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์กรณีว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 65 คนยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. ว่า เท่าที่ประเมินไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหาก 65 คนของพรรคพลังประชาชนโดนใบเหลืองใบแดง 20 ใบ เมื่อรวมทั้งหมดพรรคพลังประชาชนก็ยังมีคะแนนเสียงสูงกว่าพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ง่ายที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่ที่โดนคือภาคเหนือและอีสาน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ค่อยมีตัวสำรอง แต่เป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อแผ่นดินมากที่สุด พรรคชาติไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคมัชฌิมาธิปไตยก็มีบ้างประปราย
 
หัวหน้าพรรคชาติไทย ยืนยันว่า ได้รับปากในเบื้องต้นว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนแล้ว และตนยังยืนยันและให้คำมั่นสัญญาไปแล้ว ส่วนการประกาศอย่างเป็นทางการร่วมกับพรรคเพื่อแผ่นดินต้องขอหารือและดูช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง

พผ. สอบได้-สอบตกซัดกันเอง

 นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาระบุว่าความชัดเจนทางการเมืองของพรรค   เพื่อแผ่นดินขึ้นอยู่กับนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดินในฐานะผู้สนับสนุนทางการเงินว่า ไม่เป็นความจริง พรรคไม่ได้ ตัดสินเพียงว่าใครบริจาคเงินให้มากหรือน้อยตามที่มีการ กล่าวหา นายสุรเดชเป็นกรรมการบริหารพรรคน่าจะรู้ว่าที่ประชุมและว่าที่ ส.ส. มีมติมอบหมายให้แกนนำของพรรคทั้ง 3 คนเป็นผู้เจรจาเข้าร่วมรัฐบาล ดังนั้นจึงควรให้เกียรติทุกคนไม่ว่าสอบได้หรือสอบตกล้วนสำคัญเท่ากัน และพรรคยังมีจุดยืนเดิมคือให้รอการรับรอง ส.ส. ให้เสร็จสิ้นก่อน
 
โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า  ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ควรนำมาพูดคุยในพรรคหรือแจ้งให้แกนนำ  3 คน ที่พรรคมอบหมายให้รับทราบ การออกมาให้สัมภาษณ์ภายนอกถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม


ส.ส.ใหม่รายงานตัวแล้ว221คน

 ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายหลังเข้ารายงานตัวกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ของดแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเวลา 7 วัน เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ซึ่งพรรคจะให้สัมภาษณ์อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. เป็นต้นไป
 
สำหรับ ส.ส. ที่มาแสดงตนกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนฯ รวม 2 วันมีจำนวนทั้งสิ้น 221 คน จากจำนวนที่ กกต. ประกาศรับ รองไว้ 397 คน


นักก.ม.จี้ กกต.เร่งคลอดผู้แทน

 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวในการเสวนาวิชาการเรื่อง “กฎหมายเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ รัฐบาลใหม่ ทิศทางและมุมมองของสังคม การเมืองไทย” ว่า กกต. ไม่ควรเป็นหน่วยงานคั่นกลางระหว่างอำนาจอธิปไตยของปวงชนกับคนที่ประชาชนเป็นผู้เลือก ดังนั้น กกต. ไม่ควรดึงเวลาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ควรปล่อยให้กลไกทางการเมืองเดินหน้าต่อไปได้ และแต่ละฝ่ายไม่ควรเอาชนะคะคานกันทาง กฎหมาย 
 
นายวรพจน์ พรหมมิกบุตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวว่า วันนี้มีการสร้างกระแสว่าการแจกซีดีเป็นการซื้อสิทธิขายเสียง ตนมองว่าซีดีเป็นเพียงแผ่นบันทึกข้อความต่าง ๆ เช่นเดียวกับแผ่นพับโฆษณานโยบายพรรคการเมืองและคำพูดของสมาชิกพรรคนั้น ๆ ซึ่งทุกอย่างมีมูลค่าทั้งนั้น แต่กลับมีการจุดประเด็นเพื่อมาล่อหลอกว่าเป็นเรื่องที่ผิด ถือเป็นความพยายามสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างองค์กรต่าง ๆ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์