อลงกรณ์ ตอก ทรท.แน่จริงร่วมสอบ แม้ว โกงชาติ - ชง ป.ป.ช.ฟัน 7 คดี
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2549 15:51 น.
อลงกรณ์ พลบุตร แขวะ ทรท.สอบ ทักษิณ ทุจริตต่อหน้าที่ เหมือนยื่นดีเอสไอสอบ ชวน คดี ปรส.ชี้ หากเจตนาดีอยากช่วยชาติควรทำให้เหมือนกัน เผย เตรียมยื่น ป.ป.ช.สอบ แม้ว สัปดาห์หน้าไม่ต่ำกว่า 7 คดี ระบุ 5 ปีที่ผ่านมา ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์เครือญาติฮั้วประมูลหลายโครงการ เชื่อเอาผิดคดีอาญาได้
วันนี้ (7 พ.ค.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย แจ้งความดำเนินคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนดำเนินคดีกับคณะกรรมการและผู้บริหารองค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งกระทรวงการคลัง และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ว่า เรื่องการตรวจสอบทุจริตของ ปรส.เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพียงแต่จังหวะในการยื่นหลักฐานให้สอบ ปรส.ในช่วงนี้ของนายวีระ อาจถูกมองว่าเป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง เป็นการตอบโต้กรณีที่แกนนำของพรรคไทยรักไทยหลายคนถูกตรวจสอบเรื่องการทุจริตอย่างเข้มข้นจากภาคประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม เรื่อง ปรส.นั้น ได้แจ้งความให้ดีเอสไอดำเนินการก่อนหน้านี้มาหลายเดือนแล้ว อาจจะเป็นการพยายามไปสร้างกระแสให้มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีปัญหาในอดีต ซึ่งตนเห็นว่าจังหวะก้าวของพรรคไทยรักไทยอาจจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก
การทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำมาโดยตลอดที่ผ่านมา ไม่เห็นการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคไทยรักไทยในระดับแกนนำเลย นอกจากความพยายามดิสเครดิต มิหนำซ้ำ ยังขัดขวางและไปอุ้มคนกระทำผิดด้วย ซึ่งหากว่าการเคลื่อนไหวในเรื่อง ปรส.เป็นเจตนาดี ผมอยากเห็นเจตนาดีอย่างนี้ในการตรวจสอบ โดยเฉพาะในเร็วๆ นี้ ผมจะตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และความผิดทางอาญา ซึ่งผมอยากเห็นแกนนำอย่าง นายวีระ ได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่ามองว่า เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ผ่านมาในช่วง 5 ปีที่ทำงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กระทำความผิด ผมคิดว่า มีไม่น้อยกว่า 7 คดี นายอลงกรณ์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจของประชาชนในการทุจริตต่อหน้าที่ เช่น กรณีการอนุมัติเงินกู้ให้พม่าแล้วบริษัทของบุตรชายได้ผลประโยชน์โดยตรง เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีเครือญาติเข้าไปประมูลงานของรัฐ และมีการร้องเรียนแต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ อย่างกรณีการประมูลงานกว่า 3,000 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือแม้แต่การลดหนี้ในการซื้อหนี้ของ บสท.รวมทั้งการยกเว้นภาษีให้กับบริษัทดาวเทียมของตัวเอง ทำให้รัฐเสียประโยชน์จำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท รวมทั้งเหตุจูงใจในการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบเพื่อทำความจริงให้ประชาชนได้ทราบ โดยจะนำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.และดำเนินคดีอาญาด้วย