หลังจากที่ กกต.มีมติให้ใบแดงว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 3 คน ทำให้หลายฝ่ายจับตาดูว่าแผนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนจะพลิกผันหรือไม่ ล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จึงต้องแก้เกมด้วยการเรียกตัวแทน 3 พรรคเล็กไปร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลก่อนกำหนด พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้บรรยากาศไม่สู้ดีนัก เพราะมีมือสกปรกเข้าไปแทรกแซงกดดัน กกต.
สมัครลุยพลิกเกม สู้ใบแดง จัดรัฐบาล254เสียง
สมัคร ฉะคนนอกแทรกแซง กกต.
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่พรรคพลังประชาชน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นกรณีพิเศษ เพื่อหารือถึงกรณีที่ กกต.มีมติแจกใบแดงว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ภายหลังการประชุม นายสมัครแถลงว่า เราเป็นพรรคการเมือง เมื่อ เลือกตั้งมาแล้วก็พร้อมรับกติกา แต่เมื่อมีอะไรผิดปกติก็ต้องตะแคงหูฟังคำวิจารณ์ จนถึงวันนี้ยังมั่นใจใน กกต. ไม่ว่าใครจะประโคมข่าว อย่างไรก็ตาม โดยเหตุที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดมีความพยายามจากคนนอกวงการเมือง ฉะนั้น ก็เห็นใจ กกต.ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ตลอด 7 วันที่มีการสอบสวน มันมีความผิดปกติ เพราะมีความพยายามที่จะอาศัยมือและสถานะของ กกต.ทำให้เกิดความปันป่วนทั้งวงการ ทั้งที่ จ.เชียงราย อุดรธานี หนองคาย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ เอาผู้คนมาสอบปากคำ มันประหลาด ฟังแล้วเป็นทุกข์แทน กกต. และที่แปลกใจคือคนที่เกี่ยวข้องกับคณะปฏิวัติมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อทำนองเชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองที่ได้ 233 เสียงจะไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่พรรคที่ได้น้อยกว่าจะได้เป็นรัฐบาล มีมือคนที่อยู่ข้างนอกคอยจัดการให้ ซึ่งสอดคล้องกับคนที่ได้คะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าเราที่ออกมาแสดงท่าทางดีใจ
ใช้อำนาจข้างนอกป่วนจนน่าเกลียด
นายสมัครกล่าวว่า ในเขตพื้นที่ กทม.ก็มีความผิดปกติ เราก็ฝากความหวังไว้ที่ กกต.ว่าจะดูแลอย่างไร ตอนนี้ไม่อยากวิจารณ์ แต่ผลคะแนนที่ขอไปก่อนหน้านี้จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ กกต.บอกว่าจะต้องผ่าน 60 วันไปก่อน เรารอได้ไม่มีปัญหา รอเพื่อจะได้ฉีกหน้าใครบางคน ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ได้เพราะ กกต.ประคับประคองไว้ แต่มีคนจากภายนอกมาดำเนินการทำให้กระทบกระเทือน ซึ่งเป็นความเสียหายกับการเลือกตั้ง ดังนั้น ใครกำลังดำเนินการใดๆก็ตามที่ไม่ได้มาจากคำสั่งของ กกต. แต่เป็นอำนาจจากข้างนอก ไปกระทำการอันน่าเกลียด ไปกระทำการที่ จ.เชียงราย เพราะลูกเขยใครบางคนไม่ได้รับเลือกตั้ง ตำรวจในปัจจุบันหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ไปดูคนที่เข้าลิฟต์เมื่อคืนนี้ที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก
พลิกเกมเร่งประกาศตั้งรัฐบาล
นายสมัครกล่าวด้วยว่า จากที่เคยประกาศจะแถลงตั้งรัฐบาลในวันที่ 4 ม.ค. 2551 แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้เราเลยตัดสินใจที่จะแถลงก่อนปีใหม่ โดยจะแถลงเวลา 14.00 น. และไม่ปิดประตูที่ใครจะตามมาทีหลัง จะอ้างว่าตัดสินใจแล้วก็ไม่ว่า โดยจะประกาศตั้งใช้ตัวเลข 254 เสียง หรือถ้าแม้จะเหลือ 251 เสียง ก็ไม่เป็นปัญหา ยังตั้งได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ติดลบ เพราะว่าที่ ส.ส.ที่ถูกใบแดง 3 คนยังไม่ไปถึงขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ระบุจะใช้ความอดทน
นายสมัครกล่าวว่า หลังจากประชุมวันนี้เราจะกล้ำกลืนความกระทบกระทั่งว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้คนทั่วโลกยกย่องชมเชยว่าเรียบร้อย มันต้องได้รับการจัดตั้งเป็นรัฐบาล เมื่อดูตัวเลขแล้วตนจะอดทน แต่ที่จะบอกให้ฟังเมื่อครั้งไปหาเสียง ปรากฏว่ามีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่าก้อนกรวดในรองพระบาท เมื่อเห็นหนังสือแล้วใจหาย ไม่กล้าเปิดอ่าน จึงขอบอกให้รู้ว่าใครจะทำอะไรอยากให้สำนึกบ้าง พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง 233 เสียงไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล เราจะดำเนินการตามกระบวน แต่ว่าไม่ใช่ท้าทาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อยู่ภายนอกที่เอ่ยถึงเป็นบุคคลเดียวที่ทำหนังสือเล่มนี้ใช่หรือไม่ นายสมัครตอบว่า ไม่กล้าเปิด แต่เห็นชื่อ และเป็นบุคคลที่มีตำแหน่ง
3 พรรคเล็กร่วมทีมแถลงข่าว
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสมัคร และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เดินทางไปที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค โดยมีตัวแทนของพรรคเล็ก 3 พรรคทยอยเดินทางเข้าสมทบประกอบด้วย นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช โดยทั้งหมดได้ร่วมหารือกันประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนายสมัครนำตัวแทน 3 พรรคเล็กเปิดแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายสมัครกล่าวว่า หลังเสร็จการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. หากไม่มีกฎหมายที่ทำให้เยิ่นเย้อ ป่านนี้การตั้งรัฐบาลคงเสร็จแล้ว พรรคเสียงข้างมากต้องเจรจาความ และพรรคต่างๆที่ตนบอกว่าเป็นพรรคพวกกันก็อยากรวมกันให้แข็งแรง แต่เมื่อต้องรอกฎหมายนั้น มันอาจเป็นปัญหา
สมัคร อ้างบรรยากาศไม่สู้ดี
นายสมัครกล่าวว่า 3 พรรคที่มาในวันนี้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการและชอบด้วยกฎหมาย เดิมทีตั้งใจแถลง ข่าวหลังจาก กกต.ประกาศรับรองการเลือกตั้งแล้ว แต่บรรยากาศไม่สู้ดี คนที่อยู่นอกวงการเมืองที่มีอยู่จริงไม่อยากให้การตั้งรัฐบาลสำเร็จ ต้องการยื่นมือเข้ามาทำให้ การตั้งรัฐบาลกระทบกระเทือน ตนไม่อยากทิ้งวันไว้ พอถามแล้วทุกพรรคพร้อม โดยส่วนตัวเห็นใจและขอบคุณ กกต. แต่มือที่มองไม่เห็นมือนั้น ที่รัฐมนตรีคนหนึ่งพูดออกมาว่าจะช่วยตั้งรัฐบาล และมือที่มองไม่เห็นนั้นต้องการให้การตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ มือนั้นเป็นบุคคลที่มองเห็นตัว และสร้างความประหลาดโดยส่งตำรวจไปเป็นกรรมการชุดพิเศษ นายตำรวจคนนั้นคลุกคลีตีโมงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปดำเนินการใน จ.เชียงราย อุดรธานี หนองคาย และหลายจังหวัด มีเป้าหมายที่จะยุบพรรคพลังประชาชน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนที่มีบทบาทและเคยทำให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบสำเร็จแล้ว ทำถึงขนาดจะลากให้เกี่ยวพันกับกรรมการบริหารพรรค หากสถานการณ์นี้เราไม่ช่วย กกต.ด้วยการประกาศว่ามีอำนาจข้างนอกเข้ามาบีบ ก็คงจะลำบาก
ตอกย้ำมือสกปรกจ้องป่วน
“ขอย้ำที่บอกว่าการตั้งรัฐบาล 254 เสียง เพราะ 3 คนโดนใบแดงยังไม่ไปถึงกฤษฎีกา แต่แม้จะมี 251 เสียงก็ยังตั้งได้ เพื่อประกาศให้มือสกปรกข้างนอกที่จะขึ้นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลว เราจะบอกว่าเราทำไปเพื่อรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของ กกต.ไม่ให้อำนาจมืดบีบบังคับ ที่บอกว่า 254 เสียงปริ่มน้ำ แล้ว 247 เสียงตั้งได้ไหม เราจะดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตย และได้ตกลงกับ 3 พรรคแล้วว่าตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่า 3 พรรคไม่โดนอุปโลกน์ ก็ขอให้ได้พูดบ้าง” นายสมัครกล่าว
รช.-มฌ.-ปชร.ประกาศจุดยืนชัด
จากนั้นนายประดิษฐ์กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พรรครวมใจไทยฯ ให้ไปคุยกับพรรคต่างๆ ในการตั้งรัฐบาล การแถลงข่าวแสดงจุดยืนในวันนี้ พรรคยินดีมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยเหตุผลนั้นขอให้เข้าใจว่าเสียงที่ประชาชนมอบให้พรรคพลังประชาชนท่วมท้นมาก เป็นเสียงที่ต้องเคารพและรับฟัง กระบวนการต่างๆขอให้เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน และขอบคุณพรรคพลังประชาชนที่ให้เกียรติ
นางอนงค์วรรณกล่าวว่า เท่าที่ได้รับเชิญจากนายสมัครและ นพ.สุรพงษ์ รู้สึกว่าพรรคพลังประชาชนให้ เกียรติพรรคมัชฌิมาฯ และทำให้ตัดสินใจไม่ยากในการเข้าร่วมรัฐบาล และเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ลงฉันทมติเลือกพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พรรคมัชฌิมาฯก็ยินดีสนับสนุน
นางอุไรวรรณกล่าวว่า เราก็ต้องให้โอกาสพรรคที่ได้รับฉันทมติมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล เมื่อพรรคประชาราชได้รับเลือกตั้งจำนวนหนึ่ง ก็ยินดีสนับสนุนพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล
อุบไต๋เรื่องโควตารัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินจะมาร่วมแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลเมื่อใด นายสมัครกล่าวว่า ไม่ได้ปิดประตู เปิดตลอดเวลา เดิมตนบอกว่าจะแถลงข่าววันที่ 4 ม.ค. 2551 วันนั้นคงไม่แถลงข่าวแล้ว และทราบว่าวันที่ 2 ม.ค. พรรคชาติไทยและพรรค เพื่อแผ่นดินจะคุยกันแล้วจะแถลงข่าวเอง เมื่อถามว่าแสดงว่าเชื่อมั่นว่าจะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นายสมัครตอบว่า ถ้าไม่เชื่อมั่นแล้วจะมาแถลงข่าวหรือ
เมื่อถามว่า 3 พรรคที่มาร่วมแถลงครั้งนี้มีเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลเช่นตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่คุยให้ได้ยินหรอก ต้องปิดห้องคุยกัน เมื่อถามว่า การแบ่งโควตารัฐมนตรีให้ 3 พรรคนี้จะมากกว่า 2 พรรคที่มาภายหลังหรือไม่ นายสมัครตอบว่า เรื่องนี้มันปิดห้องคุยกัน
จับพิรุธแจกใบแดงผิดปกติ
เมื่อถามว่า มีความเห็นต่อเรื่องใบแดงอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า มันผิดปกติ แต่จะไม่วิจารณ์ เพราะเห็นใจ กกต.เนื่องจากคนที่ทำนั้นหน้าตาคล้ายๆกับกรรมการ คตส.คนหนึ่ง แต่สูงกว่า เมื่อถามว่า มีข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับมือที่มองไม่เห็นและแทรกแซงบีบไม่ให้พรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ตนไม่ได้ประกาศสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะรัฐมนตรีคนหนึ่งระบุแล้ว
ต่อข้อถามว่า หลังวันที่ 4 ม.ค. หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะมีหลักประกันใดในการตั้งรัฐบาล นายสมัครตอบว่า ต้องถามว่าใครจะเป็นคนทำ ตนไม่คิดว่า กกต.จะกระทำ เรื่องนี้อยากให้คุยกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยให้ปิดห้องคุยเรื่องนำประชาชน จ.อุดรธานี มาสอบสวน ซึ่งมาจากมือที่มองไม่เห็น ขอถามว่า มันอะไรกันหนักหนาอยู่มาจนบัดนี้แล้ว
อารมณ์บูดใส่นักข่าวอีกตามเคย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การร่วมแถลงข่าววันนี้เป็นการประกาศสัตยาบันหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ยูเอ็นนั้นเรียกว่าผู้ก่อตั้ง ตอนนั้นมี 5 ประเทศ ใครจะมาร่วมมาเติมก็มาทีหลัง ฉะนั้น ผู้ก่อตั้งคงจะผูกพันพิเศษ เมื่อถามว่าแน่ใจหรือไม่ว่า 3 พรรคนี้จะยกมือสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัครกล่าวว่า ทุกพรรคล้วนแต่กล่าวตรงกันชัดเจนว่าจะยกมือให้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามระบุว่าอยากให้ 3 พรรคยืนยันในเรื่องนี้บ้าง ปรากฏว่านายสมัครกล่าวสวนมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ถามอะไรโง่ๆแบบนี้ เป็นคำถามโง่เง่าที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา แล้วก็บอกว่านายสมัคร พูดจาหยาบคาย”
อย่างไรก็ตาม นายประดิษฐ์กล่าวเสริมขึ้นว่า “ที่มาวันนี้ก็ชัดเจนแล้วครับ” ขณะที่นางอุไรวรรณกล่าวว่า “ก็ชัดเจนแล้วค่ะ” ส่วนนางอนงค์วรรณกล่าวว่า “เช่นเดียวกันค่ะ” จากนั้นนายสมัครกล่าวปิดท้ายว่า พอๆแค่นี้ เดี๋ยวมีเรื่อง
พปช.ร้องขอเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่จะยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้พิจารณาเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. ออกจากการเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษที่มาช่วยงาน กกต. ว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคร่างหนังสือเรียบร้อยแล้ว จะยื่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ม.ค. 51 หวังว่า กกต.จะรับฟังข้อมูลที่เราเสนอให้พิจารณาเปลี่ยน ตัว พล.ต.ต.ชัยยะ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวซึ่งเป็นช่องทางพิเศษ จะต้องให้ได้ผู้ไม่มีอคติ และมีความเที่ยงธรรม
สมัคร ขอบคุณพรรคเล็กที่แน่วแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือร่วมกันระหว่างนายสมัครกับตัวแทน 3 พรรคเล็กก่อนที่เปิดแถลงข่าวนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นชื่นมื่น โดยนายสมัครกล่าวขอบคุณแกนนำทั้ง 3 พรรคที่แน่วแน่มั่นคงที่จะมาร่วมกันตั้งรัฐบาล แม้จะมีคนชักชวนให้ไปที่อื่นก็ไม่หันเหไป ถ้าพวกเราไม่มาร่วมกันแถลงในวันนี้ การเมืองจะแก้เกมไม่ได้ เพราะมีมือที่มองไม่เห็นต้องการทำลายการจัดตั้งรัฐบาลของเรา ดังนั้น เราต้องแถลงร่วมกันก่อนเพื่อช่วยป้องกัน กกต.ไม่ให้ถูกกดดัน หากพรรคใดโดนใบเหลืองใบแดงก็ขอให้ช่วยกัน และถึงแม้ 3 พรรคเล็กจะย้ายไปอยู่ซีกตรงข้าม ก็รวมเสียงได้แค่ 247 เสียง เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอยู่ดี ดังนั้น ตอนนี้เราต้องช่วยกันเดินหน้าประกาศจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียงไปก่อน
รับปากแบ่งโควตา รมต.ให้เป็นพิเศษ
นายสมัครกล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องโควตารัฐมนตรีนั้น ในฐานะที่มาช่วยกันถือเป็นผู้ก่อตั้ง นอกจากจะพิจารณาตามสัดส่วนแล้ว ต้องดูแลให้อีกตามสมควรเป็นพิเศษ ส่วนพวกที่มาทีหลัง (พรรคชาติไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน) ก็ว่าไปตามโควตา ทั้งนี้ นางอุไรวรรณ เทียนทอง ได้กล่าวกระเซ้าขึ้นว่า โควตาของพรรคประชาราชคงไม่ใช่กระทรวงวัฒนธรรมอย่างที่เป็นข่าวใช่มั้ย เพราะเป็น รมว.วัฒนธรรมมา 2 ครั้ง เบื่อแล้ว ซึ่งนายสมัครก็หัวเราะและตอบอย่างอารมณ์ดีว่าเดี๋ยวจะดูให้
ยงยุทธ เต็งจ๋านั่งประธานสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการประกาศจับขั้วรวมเสียงกับ 3 พรรคเล็กเพื่อตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว พรรคพลังประชาชนได้เตรียมทีมงานเจรจาประสานงานจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี โดยได้มอบหมายให้แกนนำพรรค 3 คน เป็นผู้รับผิดชอบเจรจากับตัวแทนของแต่ละพรรค ขณะเดียวกัน ในส่วนของพรรคพลังประชาชนก็เริ่มวางตัวรัฐมนตรีไปพร้อมกัน โดยจะดึงคนนอกมาร่วม ครม.หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ต้องการเฟ้นทีมมืออาชีพเข้ามาแสดงฝีมือ ส่วนคนในที่วางตัวเป็นรัฐมนตรีแน่นอนอาทิ นายสมัคร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายนพดล ปัทมะ สำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ข้อสรุปมอบหมายให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค เข้ามารับหน้าที่เพื่อประสานงานฝ่ายการเมืองในลักษณะประนีประนอมกับทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ
บรรหาร เปิดบ้านอวยพรปีใหม่
เมื่อเวลา 07.30 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดบ้านจรัญสนิทวงศ์ 55 เพื่อให้แกนนำและสมาชิกพรรคชาติไทยเข้าอวยพรปีใหม่ อาทิ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค รวมถึงนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มชลบุรี โดยนายประภัตรเป็นตัวแทนสมาชิกพรรคกล่าวอวยพรนายบรรหารว่า ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทำให้พวกเราได้มีโอกาสเข้ามารับใช้บ้านเมือง และในยามที่ประเทศชาติมีปัญหา ท่านก็ได้แสดงความคิดเห็นช่วยเหลือ ทำให้เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี ถือเป็นเสาหลักของพรรคชาติไทย จึงขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ช่วยประทานพรให้ท่านและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง และนำพาพรรคก้าวไปข้างหน้าให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป
ยอมรับผิดหวังได้ ส.ส.ต่ำกว่าเป้า
นายบรรหารกล่าวตอบว่า อยากให้ทุกคนยึดมั่นในกระแสพระราชดำรัส ขอให้สามัคคีซื่อสัตย์สุจริต เพราะตราบที่การเมืองวุ่นวาย เศรษฐกิจจะพลอยแย่ไปด้วย อยากขอบคุณทุกคนที่ดำเนินการทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ และขอให้พรรคชาติไทยเจริญก้าวหน้า แต่บอกตรงๆว่าความพยายามยังไม่สัมฤทธิผล ที่คาดว่าจะได้ ส.ส. 50 คน ก็ได้มาเพียง 37 คน ผิดหวังพอสมควร แต่ยังดีกว่าปี 2548 ที่ได้ ส.ส.เพียง 34 คน ครั้งนี้ก็ด้วยความร่วมมือของสมาชิกพรรคทุกคนที่ช่วยกันผลักดันจนพรรคเดินต่อไปได้ ที่ผ่านมาถ้ามีสิ่งใดที่ตนล่วงเกินหรือมีสิ่งใดไม่ถูกต้อง ก็ให้อภัยด้วย “ผมเองยอมรับไว้อย่าง ใครจะด่าใครจะว่า ผมไม่ถือ คำด่าจะไปสนองตอบคนนั้นเอง เราพยายามยึดมั่นในสิ่งดีงาม ซื่อสัตย์ สุจริต จะทำให้เราเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีความจริงใจ คำพูดก็สำคัญ ถ้าพูดออกมาแล้วจะผูกมัดตัวเอง”
ชมเปาะ สมชาย ลิ้นทูต-มีไมตรี
จากนั้น นายบรรหารให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีอาการเวียนศีรษะ ความดัน ต้องไปพักรักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี แต่พอเวลา 21.00 น.ทางพรรคพลังประชาชนส่งตัวแทนมาเยี่ยมเกือบสิบคน นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยอมรับว่านายสมชายเป็นคนอัธยาศัยดีมาก ไม่ก้าวร้าว พูดจาโอนอ่อนนิ่มนวล ถ้าเป็นผู้หญิงต้องหลงรักแล้วมีไมตรีดีมาก อย่างนี้ต้องเป็นทูต โดยนายสมชายได้ เรียนเชิญพรรคชาติไทยให้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมั่นคง ประชาชนจะได้คลายกังวล เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น เพราะพรรคพลังประชาชนได้มามากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ นายสมชายบอกว่า พรรคพลังประชาชนรับได้ ทำได้ และคนไทยทุกคนก็รับตรงนี้มาแล้วทุกอย่าง ถ้าทำได้ก็เกิดความสามัคคีความปรองดอง ความเสมอกันในชาติ
เผยตอบเป็นนัยแล้ว-ร่วมตั้งรัฐบาล
นายบรรหารกล่าวด้วยว่า เมื่อนายสมชายรับตรงนี้แล้ว ตนก็บอกไปว่าไม่น่ามีปัญหา แต่ต้องด่วนที่สุด พรุ่งนี้เช้าให้ไปเชิญพรรคเพื่อแผ่นดินโดยด่วน เพราะพรรคชาติไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดินพูดกันแล้วว่าจะทำงานร่วมกัน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 11.00 น. นายสมชายไปพบกับนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน นี่คือสิ่งที่อยากชี้แจงให้ทราบ ตอนนี้อาการมึนหัวคลี่คลายแล้ว ดังนั้น คิดว่าวันที่ 2 ม.ค. จะมีการประชุมหารือร่วมกัน และจะประกาศในวันนั้นเลย เพราะเท่าที่ทราบพรรคเพื่อแผ่นดินก็ตอบรับเป็นนัยอยู่แล้ว และพรรคชาติไทยก็บอกเป็นนัยอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะคุยกันในวันที่ 2 ม.ค. แล้วจะประกาศพร้อมกันอย่างเป็นทางการ ส่วนการภายในก็รู้กันอยู่แล้ว ทั้งสองพรรคก็ตอบเป็นนัยกันอยู่แล้ว
ปฏิเสธข่าวต่อรองขอ 7 เก้าอี้ รมต.
นายบรรหารกล่าวว่า เคยจัดตั้งรัฐบาลมาหลายครั้งแล้วไม่มีปัญหา เพราะคิดตามอัตราส่วนจำนวน ส.ส. ใครได้เท่าไหร่ก็คิดตามสัดส่วน ถ้าเศษเกินครึ่งก็ปัดเป็นหนึ่ง ดังนั้นที่บอกว่าพรรคชาติไทยขอ 7-8 ตำแหน่งนั้น ไม่เป็นความจริง ตอนนี้สื่อมวลชนนั่งเทียนเขียนมั่วไปหมด ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด พรรคชาติไทยก็แย่ ขอร้องอย่าเดา เอาข้อมูลผิดไปเขียนแล้วมันยุ่ง ยังไม่ตกลงจะไปขออัตราส่วนได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ แล้วแต่เขาจะให้ แต่การจะให้ก็ต้องดูถึงความเหมาะสมของแต่ละพรรค
เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยมี 37 ที่นั่งควรจะมีอัตราส่วนเท่าไหร่ นายบรรหารกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพียงแต่ยกตัวอย่างให้ฟัง บางที 6 ต่อ 1 หรือ 7 ต่อ 1 ก็มี หรืออาจเป็น 9 ต่อ 1 ขึ้นอยู่กับตัวเลขของแต่ละพรรค
ระบุใบเหลืองใบแดงไม่มีผลกระทบ
ต่อข้อถามว่า การแจกใบเหลืองใบแดงจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายบรรหารตอบว่า คงไม่ พรรคไหนเจอใบเหลืองก็เลือกตั้งใหม่ พรรคไหนเจอใบแดงก็เลือกตั้งเฉพาะที่ ไม่ส่งผลกระทบ เมื่อถามว่า การตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชาชน ทางพรรคประชาธิปัตย์ เข้าใจหรือไม่ นายบรรหารตอบว่า สมมติว่าถ้าไปเข้ากับพรรคพลังประชาชนแล้ว อีกสักระยะจะนัดกินข้าวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ร้านช้อนเงินช้อนทอง ขอให้เรื่องต่างๆคลี่คลายในทางที่ดีที่ก่อน เป็นเพื่อนกันเอง เป็นฝ่ายค้านบ้างเป็นรัฐบาลบ้าง ผลัดเปลี่ยนกันไป เมื่อปี 2544 เป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคไทยรักไทย แต่ปี 2548 เป็นฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แน่อีกสิบปีพรรคชาติไทยอาจได้เป็นรัฐบาลอีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เคยระบุว่า จะไม่ทำให้ ผู้ใหญ่ที่เคารพมา 30 ปีผิดหวัง นายบรรหารกล่าวว่า “มาอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว ขอไม่ตอบ เอาคำสร้างสรรค์ได้หรือไม่ จะให้ผมไหว้คุณหรือไม่”
พรรคเพื่อแผ่นดินส่งตัวแทนอวยพร
ภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง นายบรรหารก็อยู่ร่วมงานกับสมาชิกพรรคจนกระทั่งเวลา 12.00 น. จึงเดินทางไปที่ จ.สุพรรณบุรี ต่อมาประมาณครึ่งชั่วโมง นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นตัวแทนพรรคนำกระเช้าดอกไม้เข้าอวยพรปีใหม่นายบรรหาร โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา ลูกชาย เป็นผู้รับมอบแทน หลังต้อนรับขับสู้กันเรียบร้อย นายวราวุธให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนนัดประกาศจัดตั้งรัฐบาล 4 พรรค 254 เสียง ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ในช่วงบ่ายว่า พอทราบข่าวมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เกี่ยวกับพรรคชาติไทย เพราะเคยบอกไปแล้วว่าพรรคชาติไทยจะต้องหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน และจะมีการแถลงร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงร่วมเพียง 4 พรรค ทั้งที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินได้ตอบรับการเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว จะถือเป็นการกดดันหรือไม่ นายวราวุธกล่าวทีเล่นทีจริงว่า จะมากดดันอะไร ผู้ใหญ่ของพรรคก็ไม่อยู่ แต่ยืนยันชัดเจนว่า วันที่ 2 ม.ค. จะประกาศเข้าร่วมรัฐบาล มันชัดเจนมานานแล้ว
วัฒนา ให้รอผลการหารือ 2 พรรค
อีกด้านหนึ่ง ช่วงสายวันเดียวกันที่บ้านนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน มีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินทยอยเดินทางเข้าอวยพรปีใหม่นายวัฒนา อาทินายกว้าง รอบคอบ และนายสุระ แสนคำ ทั้งนี้ นายวัฒนาปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยให้เหตุผลว่า ขอให้รอฟังวันที่ 2 ม.ค. ที่แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยจะร่วมหารือกันถึงสถานการณ์การเมืองก่อน และถึงแม้พรรคพลังประชาชนจะเลื่อนการแถลงประกาศตั้งรัฐบาลให้เร็วขึ้น แต่พรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่ได้ กดดันอะไร เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรอการหารือในวันที่ 2 ม.ค.ก่อน
เด็กสุชาติ ระริกโผซบ พปช.
ขณะที่นายรณฤทธิชัย คานเขต ว่าที่ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มมอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนไปร่วมการแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชน ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เพราะเห็นว่าถึงอย่างไรพรรคเพื่อแผ่นดินก็จะไปร่วมกับพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว ไปเร็วไปช้าก็เหมือนกัน และการไปแสดงตัวครั้งนี้ก็อยากให้เป็นขวัญปีใหม่กับประชาชนที่ต้องการเห็นพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล
ประชา เบรกกลัวประเจิดประเจ้อ
ถัดมาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง นายรณฤทธิชัยให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมการแถลงข่าวของพรรคพลังประชาชนกับ 3 พรรคเล็กแล้ว เนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดินยับยั้งไว้ โดยให้เหตุผลว่าถึงแม้จะไปในนามส่วนตัว แต่จะดูไม่เหมาะสม อาจถูกมองว่าเป็นการไปในนามกลุ่มได้ จึงต้องรอให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรคชาติไทยในวันที่ 2 ม.ค.เสียก่อน
สุเทพ แฉ สมัคร บีบ ชท.-พผ.
ส่วนท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ภายหลังพรรคพลังประชาชนร่วมกับ 3 พรรคเล็กประกาศจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การออกมาแถลงของพรรคพลังประชาชนกับ 3 พรรคเล็กเพื่อบีบให้พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล ถ้าไม่มาจะตกขบวน และเป็นเรื่องที่ดีที่ออกมาแถลง เพราะทำให้เห็นความชัดเจนมากขึ้น แต่ต้องติดตามดูต่อไป เพราะขณะนี้พรรคพลังประชาชนมีเสียง 251 เสียง หลังจากถูกใบแดง 3 ใบ จะต้องติดตามต่อไปถ้าเจอใบแดงใบเหลืองอีกจะเหลือเท่าไหร่ และกว่าจะถึงวันประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ จะเหลือมือที่บริสุทธิ์สนับสนุนหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกี่มือ เพราะไม่มีใครทราบว่า 100 กว่าสำนวนที่ กกต.พิจารณาจะมีใบเหลือง ใบแดงเท่าไหร่ ในชั้นนี้เราก็ได้แต่ติดตามดู ไม่ได้ไปทำอะไรขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล ขออย่าได้ กังวลว่าจะไปจัดรัฐบาลแข่ง ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่ามีมือที่มองไม่ เห็นขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลนั้น เป็นการพูดจาที่ค่อน ข้างสับสน กำกวม
ยืนกรานไม่ยกธงขาวยอมแพ้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้และยอมรับการเป็นฝ่ายค้านได้หรือยัง นายสุเทพตอบว่า ไม่ ได้เรียกว่าพ่ายแพ้ หรือต้องยอมรับว่าต้องเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลก็ได้ เรื่องที่จะเป็นรัฐบาลเพราะอยากทำวาระประชาชน เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสไปชวนพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ขณะนี้จะไม่ชวนพรรคไหนมาร่วมรัฐบาล จนกว่าจะเห็นจำนวนเสียงที่พรรคพลังประชาชนไม่พอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เช่น ถ้าวันที่ 1-2 ม.ค. 2551 กกต.ประกาศว่าใน 251 เสียงนี้ถูกใบเหลืองใบแดง 10-20 คน จะทำให้พรรคพลังประชาชนมีเสียงไม่พอ ถึงวันนั้นเราจะตัดสินใจรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล
ย้อนเกล็ด พปช.ตั้งนายพลคุมสำนวน
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.นั้น เป็นการกระทำที่ปากกับใจไม่ตรงกัน ทำให้ประชาชนสับสน โดย เฉพาะกรณีที่ กกต.ไม่ได้ใช้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของ กกต. แต่ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิเศษเข้ามาทำสำนวน และยังพูดเชื่อมโยงถึงนายตำรวจยศ พล.ต.ต.นายหนึ่งว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าเราไม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมนายตำรวจระดับนายพลคนใดทั้งสิ้น และการที่มีนายตำรวจเข้ามาทำสำนวนการสืบสวนสอบสวนของ กกต. ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งช่วงที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ก็มี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น เข้ามาทำสำนวนการสืบสวนสอบสวนด้วย แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตั้งแง่ หรือตั้งข้อกล่าวหาใคร สุดท้ายผลงานเป็นที่ประจักษ์เมื่อ พล.ต.อ.ชิดชัยได้ดิบได้ดีเป็นรองนายกฯ
สั่งผู้สมัคร ส.ส.เตรียมเลือกตั้งใหม่
นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคอีสาน แถลงว่า กรณีที่ กกต.แจกใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 และแจกใบเหลือง 3 ว่าที่ ส.ส.นครราชสีมา เขต 3 พรรคพลังประชาชนนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งดังกล่าวแล้ว โดยได้ประสานไปยังผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อเตรียมตัวรณรงค์ หาเสียงการเลือกตั้ง เชื่อมั่นว่าผู้สมัครของพรรคจะได้รับความไว้วางจากประชาชน
ชวน ชี้รัฐบาลผสมระยะยาวเดี้ยง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการเมืองไทยในปี 2551 ว่า อยากให้ดำเนินการไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ให้สังคมมีส่วนร่วมในการสร้างความชอบธรรมทางการเมือง ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนการพิจารณากฎหมายต่างๆต้องมีเป้าหมายเพื่อให้คนเกิดความสำนึกในการกระทำความผิด หากทุกอย่างสามารถเริ่มดำเนินการได้จะไม่เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลแต่ละชุดว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนกรณีที่รัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคนั้น ช่วงแรกจะทำงานได้ แต่ในระยะยาวอาจมีปัญหา และต้องขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาลว่าจะมีหลักการบริหารงานอย่างไร ถ้าบริหารงานไม่ดีเหมือนรัฐบาลในอดีตที่ได้เสียงข้างมากพรรคเดียว จึงกล้าทำผิดกฎหมาย เกิดความย่ามใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่คนเหล่านั้นได้รับบทเรียนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนกลุ่มนั้นยังมีอำนาจในการสั่งการอยู่ ดังนั้น หากทุกฝ่ายเริ่มต้นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง การบริหารงานจะเดินหน้าไปได้
แฉทุจริตพิสดาร กกต.เอาผิดยาก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี กกต.พิจารณาให้ใบแดงใบเหลืองแก่ว่าที่ ส.ส. นายชวนตอบว่า ในหลักการคงทำได้ไม่มาก หรือเท่ากับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เพราะจากการลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดต่างๆทราบว่า ยังมีการซื้อเสียงอยู่ แต่วิธีการให้อาจเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เป็นเรื่องยากที่ กกต.จะไปตรวจค้นเอาผิด เพราะพยานหลักฐานหาได้ยาก และไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน ทำให้การแจกใบแดงใบเหลืองคงเป็นส่วนน้อยที่จะสามารถเอาผิดได้ และเจ้าหน้าที่ทหารก็พยายามดูแลป้องกันและสกัดกั้นการซื้อเสียง แต่ทหารไม่รู้วิธีการที่พิสดารกว่าเดิม ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้