"สุเมธ"ปัดสำนวนสอบ"ยงยุทธ"รั่ว
นายสุเมธอุปนิสากร กกต.ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุม กกต.ในช่วงเช้าว่า ในการสอบสวนของ กกต.กรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ทุจริตการเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่าไม่มีสำนวนรั่วจนเป็นเหตุให้นายยงยุทธส่งน้องสาวมาแจ้งขอเลื่อนการชี้แจงต่อ กกต.
นายสุเมธยังกล่าวถึงกระแสข่าวการดักฟังการประชุมของกกต.ด้วยว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการดักฟัง
ส่วนเรื่องการวินิจฉัยแจกใบแดง-ใบเหลืองนั้นนายสุเมธ กล่าวว่า วันนี้จะต้องมีแจกอย่างแน่นอน และขอยืนยันว่าการวินิจฉัยของ กกต.จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ ตามหลักการและเป็นไปตามเหตุผล ส่วนที่มีการยกคำร้องในหลายสำนวนนั้น ก็พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเช่นกัน
"สมชัย" เล็งขอกลับทำงานศาล
นายสมชัยจึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกระแสข่าวการกดดันให้ออกจากฝ่ายสืบสวนสอบสวน ว่า ตนไม่รู้สึกกดดัน และขอยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันการทำงานของตนได้ กกต.ทุกคนก็ร่วมมือกันทำงานดี ไม่มีความขัดแย้ง แต่ตนอยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพราะทุกคนทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งหน้าที่ตรงนี้มีแรงกดดันมาก ถ้าเราไม่นิ่งพอถูกกดดันไปมาเราก็จะเป๋
"ส่วนตัวผมคิดว่า หากระเบียบศาลออกมาชัดเจน ผมก็คงจะพิจารณาตัวเอง เพราะขณะนี้ผมเห็นว่าผมไม่เหมาะกับงานแบบนี้ อยากให้คนอื่นที่เก่งๆ กว่าผมเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน" นายสมชัย กล่าวและว่า ศาลเขาก็เห็นใจตนเช่นกันและได้พูดกันว่าอาจจะมีการแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวกับข้าราชการตุลาการ ศาลยุติธรรม และระเบียบผู้พิพากษาอาวุโสของศาลยุติธรรม เพื่อให้ผู้พิพากษาที่ยังไม่ได้บรรจุเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ได้มีโอกาสโอนกลับเข้าไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสได้จนถึงอายุ 70 ปี
กกต.ขอพัก1วันเรียกพปช.ชี้แจงอีก1
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวินิจฉัยสำนวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าการวินิจฉัยของที่ประชุม กกต.วันนี้ ยังไม่มีมติแจกใบเหลือ ใบแดง ให้กับว่าที่ ส.ส.คนใดเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงต้องมีการปะชุมเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม ซึ่งจะเริ่มกันใหม่ในวันที่ 1 ม.ค.2551 โดยจะเชิญนายประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส.อุดรธานี เขต 3 พรรคพลังประชาชนมาชี้แจง ส่วนวันพรุ่งนี้(31 ธ.ค.) กกต.จะหยุดงาน 1 วัน
"เฉลิม"แฉนายพลตำรวจคู่ปรปักษ์ชงเรื่อง
ที่บ้านริมคลอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ว่า มีนายตำรวจ ระดับรองผู้บัญชาการ ซึ่งมียศถึง พล.ต.ต. นายหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิด กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มาร่วมทำงาน กับคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน สำนวนคดีทุจริตการเลือกตั้งของ กกต. จึงทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ เกี่ยวกับการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงกับพรรคพลังประชาชน ที่ค่อนข้างมีเวลาเร่งรัดรวดเร็วเกินเหตุ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ในกระบวนการพิจารณาทุจริตการเลือกตั้งที่เป็นที่ยอมรับของสากล อำนาจของกกต.มีหน้าที่เพียงกำกับดูแลให้การเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายมีความบริสุทธิยุติธรรมหากเกิดประเด็นสงสัย กกต.จะทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงไม่มีสิทธิตัดสินใจให้ใบเหลือง-ใบแดง แต่จะให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาแทน แต่สำหรับพรรคพลังประชาชน กกต. กลับให้ใบแดงเหมือนเป็นการประหารชีวิต ปิดอนาคต แถมยังทราบมาด้วยว่า กกต.ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยให้นายตำรวจคนดังกล่าว ทำการสืบสวนสอบสวน ชงเรื่องเสนอ กกต.โดยตรง
การที่นายตำรวจคนนี้มีความใกล้ชิดกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ทางพรรคเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะนำบุคคลที่เป็นปรปักษ์มาตรวจสอบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรเปลี่ยนตัวนายตำรวจคนนี้และกราบวิงวอน กกต.ได้ทำตามหน้าที่ของท่าน ขออย่ารีบเร่ง ออกใบเหลืองใบแดง แต่ควรให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาการให้ใบเหลือง-ใบแดงเหมือนอารยประเทศที่เขาทำกัน
"การให้ใบเหลือง-ใบแดง กับ พรรคพลังประชาชนนั้นผมยังมีความเคารพในมติอยู่ และยังเชื่อมั่นการทำงานของกกต.แต่อย่านึกว่าผมไม่รู้หรือไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังแต่ยังไม่อยากเปิดศึก หากอีก 2-3 วัน กกต.ยังไม่เปลี่ยนกระบวนการสืบสวนสอบสวน ผมจะออกมาเปิดเผยรายชื่อนนายตำรวจคนนั้นและคนที่เกี่ยวข้อง" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวและว่า
ส่วนพรรชประชาธิปัตย์ ก็อย่าเพิ่งฝันไกล ควรละอายและเกรงกลัวต่อบาป ไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ซึ่งการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมา เปิดเผยจำนวนใบเหลือง -ใบแดงที่ กกต.จะให้กับพรรคพลังประชาชน เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีการ พูดคุยเรื่องใบเหลืองใบแดงกับกกต.หรือใครมาก่อน หรือเปล่า
"สุริยะใส”จี้พรรคเล็กจริงจังกับเงื่อนไข 5 ข้อ
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตนคิดว่ากระแสการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ยังไม่สามารถสร้างความหวังและความเชื่อมั่นให้กับสังคมได้ว่าจะได้รัฐบาลที่มีคุณภาพและเข้าใจปัญหาของประเทอย่างแท้จริง ข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องไม่สร้างสรรค์เสียส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ โควต้ารัฐมนตรี หรือการซื้อพรรคและมุ้งต่างๆ ส่วนนโยบายหรือจุดยืนทางการเมืองที่แต่ละพรรคเคยประกาศกันไว้ก่อนหาเสียงลืมกันไปหมด ซ้ำร้ายยังพบว่ามีความพยายามวางกรอบหรือสร้างเงื่อนไขในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลแต่กลับไม่เห็นความจริงใจแต่อย่างใด โดยเฉพาะกรณีที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินยื่นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล 5 ข้อเสนอต่อพรรคพลังประชาชนก่อนหน้านี้
"พอพรรคพลังประชาชนขู่ว่าอย่าเอามาเป็นเงื่อนไขกลับไม่เห็น 2 พรรคเล็กแสดงจุดยืนอะไร ทั้งๆ ที่เงื่อนไขทั้ง 5 ข้อเป็นปมปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤติและอาจจะเกิดวิกฤติซ้ำซ้อนขึ้นอีกครั้ง หากพรรคการเมืองนำเงื่อนไขดังกล่าวไปอ้างเพื่อลดกระแสต้านจากสังคมและสร้างความชอบธรรมในการร่วมรัฐบาลก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม" นายสุริยะใส กล่าวและว่า
การเข้าร่วมรัฐบาลของทั้ง 2 พรรคเล็กเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดหากประชาชนเห็นว่า 2 พรรคไม่ได้จริงจังกับเงื่อนไขดังกล่าว จะได้รับบทลงโทษจากสังคมอย่างแน่นอน ประการสำคัญหากมีการเบี้ยวข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นทั้ง 2 พรรคเล็กจะแสดงจุดยืนรับผิดชอบอย่างไรก็ยังไม่เห็นใครพูดอะไร โดยเฉพาะหากมีการตัดตอนการทำงานของ คตส. ซึ่งไม่ต้องถึงขั้นยุบทิ้งแต่รัฐบาลสั่งไม่ให้ข้าราชการให้ความร่วมมือทำให้ คตส.เป็นเพียงเสือกระดาษ ถึงตอนนั้นใครจะรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม กระแสการตั้งรัฐบาลครั้งนี้และโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่เท่าที่เห็น ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและลดความหวาดระแวงของสังคมได้ ยังเป็นภาพของอำนาจเก่าจึงอาจจะทำให้ไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรจากฝ่ายตรงข้ามขั้วอำนาจเก่าได้ ฉะนั้นโฉมหน้า ครม.จะต้องก้าวพ้นจากภาพนอมินี และ ครม.ต่างตอบแทน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลชุดนี้อายุสั้นกว่าที่คิด
"สุเทพ เย้ยพปช.อาจเหลือที่นั่ง
ด้านนายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส่งเทียบเชิญพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการว่า ไม่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ในการจัดตั้งรัฐบาล การส่งเทียบเชิญดูเป็นทางการเท่านั้นเอง แต่ข้อยุติคือวันที่ กกต.ประกาศรับรองส.ส.ว่ามีเท่าไรและสถานการณ์อย่างนี้คิดว่า ถ้าตนเป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทย และพรรคเล็ก จะไม่ผลีผลามต้องรอให้ กกต.พิจารณาใบเหลือง-ใบแดงเสร็จสิ้นเสียก่อน เพราะเชื่อว่า กกต.คงจะต้องให้ใบเหลือง-ใบแดงหลายสิบคนซึ่งอาจจะทำให้ตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรคเปลี่ยนแปลงไปมาก
"ผมถึงบอกว่าพรรคเราต้องรอเวลา เวลามีใบเหลือง-ใบแดง ถึงแม้เขาจะตกลงร่วมรัฐบาลกัน แต่การต่อรองเรื่องกระทรวง ตัวเลขสัดส่วนเปลี่ยนไปหมด สรุปง่ายๆ คิดว่าพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินคงไม่ผลีผลามง่ายๆ และหากพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ตกลงกับพรรคพลังประชาชนไปแล้ว จะสามารถถอนตัวออกมาก็สามารถถอนได้โดยไม่เป็นการเสียหน้า" เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายสุเทพกล่าวอีกว่า การทำงานของ กกต.ถือว่ามีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลมากสมมติว่าพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงสัก 60 ใบอาจจะเหลือ 160 ที่นั่งก็สูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาลจะมาร่วมกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ ไม่ได้สมมติอย่างเลื่อนลอย แต่เห็นว่าเขาทำความผิดมากจริงๆ และทำความผิดโดยไม่คิดว่าวันหนึ่งจะถูกจับได้ เช่น การแจกวีซีดี ที่แจกกันหลายสิบจังหวัด และถ้าผิดก็มหาศาลเลย อย่างกรณีการซื้อเสียงที่ จ.เชียงราย อย่างน้อยก็ต้องหายไป 12 ที่นั่งหากเราได้คนที่ชนะการเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต เราก็จะได้นายกฯ ที่ไม่สุจริตไปด้วย เพราะฉะนั้นคนที่ตัดสินใจถ้าผลีผลามก็แย่
ไม่เชื่อปชป.จะเป็นฝ่ายค้าน ส่วนกรณีที่พรรคชาติไทยออกมาเลื่อนการแถลงข่าวจากวันที่29 ธันวาคม เป็นวันที่2 มกราคมนั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะแถลงข่าวได้ในวันที่ 2 มกราคมคิดว่าอาจต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 3-4 มกราคมเพราะ กกต.ยังไม่เรียบร้อย
จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้านถ้าผมเป็นฝ่ายค้าน พ.ต.ท.ทักษิณก็จะกลับมาแน่ ซึ่งผมไม่อยากเจอ พ.ต.ท.ทักษิณและผมไม่เชื่อว่า พรรคพลังประชาชนจะทำตามเงื่อนไขของใครได้ เพราะผมพอจะรู้นิสัยของหัวหน้าพรรคตัวจริงและหัวหน้าพรรคนอมินี ทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่ไม่เคยละเว้น อย่างคุณบรรหารเสนอไป ด้วยความหวังดี ก็โดนย้อนกลับมาแทบแย่ นายสุเทพ กล่าว
"สมศักดิ์"ชี้ชาติไทยรอตัดสินใจ 2 ม.ค.
นายสมศักดิ์ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ที่มีข่าวออกมาว่าพรรคตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล 90 เปอร์เซ็นต์แล้วนั้น ขอบอกว่าพรรคชาติไทยต้องนำเรื่องนี้เข้าหารือและขอความเห็นในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ตามระเบียบพรรคก่อน ซึ่งในวันที่ 2 มกราคม 2551 นี้ พรรคชาติไทยได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เพื่อให้ที่จะประชุมพิจารณาตัดสินใจการเข้าร่วมรัฐบาล หลังจากที่พรรคพลังประชาชนได้เชิญทั้งพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล
นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากนั้นจะต้องนำความเห็นของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติไทยไปร่วมประชุมหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลด้วยเช่นกัน ซึ่งแกนนำของทั้งสองพรรคจะหารือและรับประทานอาหารร่วมกันในช่วงเย็นวันที่ 2 มกราคม ที่บ้านสวนหลวงของนายวัฒนา อัศวเหม ซอยพัฒนาการ 20 จากนั้นจะได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการทันที
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า หลังจากประชุมร่วมระหว่างพรรคชาติไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว จะหาโอกาสนัดหารือและรับประทานอาหารร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพูดคุยกันในฐานะพันธมิตรเก่า เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจพรรคชาติไทยดี เพราะเมื่อพรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งแล้วก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจดี
เติ้งเตรียมเลื่อนประกาศท่าที
แหล่งข่าวในพรรคชาติไทยเปิดเผยว่าวันที่ 2 มกราคมนี้ ที่จะมีการหารือกันระหว่างพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น จะเป็นแค่การหารือกันคร่าวๆ ในเรื่องของการร่วมรัฐบาล แต่ทั้งสองพรรคจะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กำลังพยายามดึงเวลาให้มากที่สุด เพื่อรอให้มีการประกาศผลการให้ใบแดง ใบเหลือง ออกมาให้ชัดเจนกว่านี้
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่าการแจกใบแดงที่ จ.บุรีรัมย์ นั้น เป็นเพียงการเริ่มต้น จะยังมีข้อหาความผิดที่ร้ายแรงอื่นๆ ปรากฏขึ้นอีก ซึ่งล้วนแต่ความผิดร้ายแรง และชัดเจนในประจักษ์หลักฐาน ซึ่งจะทำให้ใบแดงออกมาเป็นจำนวนมาก ส่วนคะแนนการเลือกตั้งใหม่จะกระจายไปยังทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่งแน่นอน เชื่อว่าเร็วที่สุดจะรู้ผลใบเหลืองใบแดงไม่เกินวันที่ 17-18 มกราคม ช่วงเวลาขณะนี้ทุกคนต้องซื้อเวลาออกไปให้ยาวนานที่สุด
พรรคต่างๆรู้ทันพรรคพลังประชาชนดีว่าต้องการปล่อยข่าวเพื่อเดิมเกมมัดมือ มัดเท้าพรรคขนาดกลางว่าเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชนแล้ว โดยการแสดงท่าทีเข้าไปพบหัวหน้าและแกนนำของทุกพรรคการเมือง แต่เมื่อผลชี้ขาดใบเหลืองใบแดงออกมา อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงท่าทีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก พรรคพลังประชาชนจะโจมตีพรรคขนาดกลางว่าไม่รักษาคำพูด เพื่อให้เกิดเป็นกระแสความขัดแย้งขึ้นมา แหล่งข่าวกล่าว
มฌ.ยันโควตารมต.2ตำแหน่งห้ามตัด
พ.ต.ท.บรรยินตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย หนึ่งในทีมเจรจาจับขั้วรัฐบาล กล่าวว่า รายละเอียดการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมมีการเสนอโควตารัฐมนตรี 2 ตำแหน่งให้พรรค ตอนที่ประเมินตามสูตร 254 เสียง ก็น่าจะเป็นไปตามนั้น แต่หากมีการเพิ่มพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มเป็น 315 เสียง ก็เป็นไปได้ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีลดลงมา แต่เชื่อว่าพูดคุยกันไว้อย่างไรก็น่าจะเป็นไปตามนั้น เพราะพรรคเราแสดงเจตนาที่จะเข้าร่วมก่อน หากจะมาตัดโควตาคงไม่น่าทำอย่างนั้น และหากเสียงรัฐบาลสูงถึง 315 เสียง การแจกใบเหลืองใบแดงของ กกต.แม้ถึง 20 ใบ ก็คงไม่มีผล ดังนั้น หากมีการพูดคุยกันทุกฝ่ายลงตัวชัดเจนแล้ว ก็น่าจะมีของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนได้เลย ไม่ต้องรอถึงวันที่ 4 มกราคม
ด้านนายสมพรหลงจิ รองโฆษกพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวภายหลังเกิดความวุ่นวายในพรรคโดยนายธนพร ศรียากูล รองหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนสมาชิกพรรค เข้ามาขัดขวางการประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมนั้น พรรคยังจะมีการประชุมใหม่แน่นอน แต่ต้องรอกรรมการบริหารพรรคหารือกันก่อน ส่วนที่นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค ทำหนังสือเรียกร้องให้นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค ตรจสอบสถานะการเป็นหัวหน้าพรรคของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ตนอยากถามว่า ในฐานะสมาชิกพรรค เป็นสิ่งที่สมควรทำหรือไม่ เพราะเมื่อเป็นสมาชิกพรรคก็ต้องให้ความเคารพต่อหัวหน้าพรรค อย่างน้อยนางอนงค์วรรณกับนายประชัยก็ร่วมสร้างพรรคกันมา ถ้าไม่มีนายประชัย พรรคก็คงไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างนี้ และนายประชัยเสียเงินส่วนตัวให้แก่ผู้สมัครไปใช้หาเสียงมาก เชื่อว่าการกระทำของนายธนพรต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน
พผ.ชี้ปชป.เป็นฝ่ายค้านสภามีสีสันแน่
ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวที่บ้านพัก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ถึงความคืบหน้ากรณีพรรคเพื่อแผ่นดินจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ไม่ทราบความคืบหน้าในเรื่องนี้เพราะตนอยู่ในบ้านเลขที่ 111 แต่ในความเห็นส่วนตัวมองว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้น่าจะมีประมาณ 5-6 พรรค และให้พรรคขนาดใหญ่อีก 1 พรรค เป็นฝ่ายค้าน เพื่อความสมบูรณ์ของสภา ที่จะต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลใหม่จะต้องรีบเดินหน้าแก้ไขคือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ความสมานฉันท์ของคนในชาติ ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสามเรื่องนี้ รัฐบาลใหม่จำเป็นจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด
ต่อข้อถามกรณีพรรคประชาธิปัตย์ถูกโดดเดี่ยวให้เป็นฝ่ายค้านจะสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดีหรือไม่ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดีที่สุด เมื่อได้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอยู่ในสภาก็จะทำให้สภามีสีสันและเป็นสภาที่สมบูรณ์แบบ หลีกเลี่ยงคำครหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา
พปช.หวั่นใบแดงทำเก้าอี้ ส.ส. ฮวบ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค กล่าวว่า จะไม่ส่งผลให้ทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนเปลี่ยนไป เพราะถึงอย่างไรก็ยังเหลือว่าที่ ส.ส.230 คน ตัวเลขไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก ส่วนในเขตที่โดนใบเหลือง พรรคจะส่งอดีตผู้สมัคร ส.ส.คนเดิมลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะยังให้ความกรุณา ทั้งนี้ทางพรรคได้เคยวิเคราะห์มาก่อนแล้วว่าผู้สมัครส.ส.ของพรรคมีโอกาสถูกพิจารณาเรื่องใบเหลือง ใบแดงมากว่าพรรคอื่น เนื่องจากได้รับเลือกตั้งมากที่สุด และสาเหตุสำคัญคือพรรคพลังประชาชนตกเป็นเป้า ถูกรุมกินโต๊ะตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง แต่ตนไม่เชื่อว่าจะมีแค่ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเท่านั้นที่ได้ใบเหลืองใบแดง พรรคอื่นก็ต้องมีลดหลั่นกันไป
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จากรณีที่ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ถูกให้ใบแดง ใบเหลือง ไม่รู้สึกกังวลว่าจะเป็นเหตุนำไปสู่คดียุบพรรคเพราะที่ผ่านมาพรรคได้มีข้อห้ามชัดเจนแก่ว่าผู้สมัคร ส.ส.ว่าอะไรที่ทำได้ และทำไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำของผู้สมัครส.ส.ที่สุ่มเสี่ยงขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน เหมือนกรณีการแจกซีดีบันทึกภาพและเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ก็ได้ยืนยันมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรค
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทย ว่า เวลานี้เห็นตรงในหลักการร่วมกันแล้ว ใน 3 ม.ค.หลังจากที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ คาดว่าในวันที่ 4 ธ.ค.พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีโอกาสแถลงร่วมกัน อย่างไรก็ตามกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนจะมีการประชุม ในวันที่ 2 ม.ค. เวลา 10.00 น. เพื่อรายงานผลการเลือกตั้งและผลของการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขอมติจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค
ด้านร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า หาก กกต.ได้ทำการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วมีมติออกมา เราก็พร้อมน้อมรับผล ยอมรับว่าขณะนี้มีความหวั่นวิตกว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องโดนใบแดงอีกหรือไม่ เพราะการได้รับใบแดงทำให้ต้องเสียที่นั่งนั้นๆไปเลย ไม่สามารถส่งผู้สมัครลงแข่งขันได้อีก
นายรุ่งโรจน์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า หลังจากรับทราบข่าวว่า กกต.แจกใบแดงให้ว่าที่ ส.ส.จ.บุรีรัมย์ เขต 1 ทั้ง 3 คน ยังรู้สึกตกใจและช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณใดๆเลย กกต.ได้เรียกผู้สมัครจากเขตต่างๆในหลายจังหวัดเข้าชี้แจงแก้ต่างคำร้องคัดค้าน แต่ในเขต 1 จ.บุรีรัมย์กกต.ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและไม่มีการเรียกไปชี้แจงแต่อย่างใด ซึ่งตนก็รู้สึกสบายใจด้วยซ้ำไป แต่แล้วจู่ๆ กกต.ก็ประกาศแจกใบแดงทันที
อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังไม่ได้พิจารณารายละเอียดเหตุผลที่ กกต.ให้ใบแดง ขอไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งก่อน แต่ที่กกต.ระบุเบื้องต้นว่าเรานำเงินไปให้ประชาชนที่มารับฟังคำปราศรัย เป็นค่ารถ ค่าน้ำมัน เหมือนเป็นการสัญญาว่าจะให้นั้น ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำอะไร ไม่มีการจ้างตามที่กกต.ระบุ
“แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการแจกใบแดงดังกล่าวเหมือนมีธงมาตั้งแต่แรก เพราะตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ระหว่างการหาเสียง จนมาถึงวันเลือกตั้งตนก็ได้ยินเสมอว่าในผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ของพรรคพลังประชาชนทั้ง 4 เขต จะได้ใบแดงแน่นอน ผมคิดว่าตอนนี้บ้านเมืองเราต้องการความสงบสมานฉันท์ แต่มาทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง หรือว่าต้องการให้บ้านเมืองเกิดกลียุคอีกครั้ง และประชาชนมองออกว่าพรรคพลัวประชาชนถูกขัดขวางไม่ให้ตั้งรัฐบาล ผมอยากให้ทุกฝ่ายฟังเสียงประชาชชน” นายเรืองโรจน์ กล่าว
นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต1 พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติให้ใบแดงว่า มติที่ออกมาไม่มีความเป็นธรรม ทั้งที่ กกต.ไม่เคยเรียกตนไปชี้แจงเลย และในพื้นที่ของบุรีรัมย์ไม่เคยมีใครขยับทำอะไรที่ผิดกฎหมายเลย ทุกคนระวังตัวอย่างดีไม่มีใครกล้าทำผิดกฎหมายแน่นอน
นายประกิจ พลเดช ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้สมัครคนอี่นๆ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับตน ซึ่งอยากจะฟังมติจาก กกต.อย่างเป็นทางการ แต่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมกับตนและผู้สมัคารายอื่น เนื่องจากผู้ที่ร้องเรียนว่าตนและผู้สมัครในเขตเดียวกันจ้างคนไปฟังการปราศรัย เพราะทางกกต.กลางไม่เคยเรียกเราเข้าไปชี้แจง ซึ่งตนก็รู้ว่าผู้ร้องนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านที่สนับสนุนพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่เมื่อไม่มีโอกาสได้ชี้แจงก็ต้องยอมรับว่าเราเสียเครดิตในเรื่องนี้ ซึ่งตนรู้สึกว่าคนในพื้นที่เข้าใจ และเห็นว่าหากจะมีการแจกใบแดงให้กับผู้สมัครทั้งหมดของเขต ร่วมถึงพื้นที่อื่นๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โหดมาสำหรับเรา และอาจจะมีผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลต่อพรรคที่จะเข้าร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนก็ยังไม่ท้อถึงแม้ว่าจะตัดสิทธิ์ทางการเมืองแต่ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
ส่วนนายโสภณ เพชรสว่าง ผู้สมัครส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ผู้ที่มีคะแนนมาเป็นลำดับ 4 กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าทาง กกต.จะมีการจัดเลือกตั้งใหม่หรือไม่ แต่หากจัดการเลือกตั้งใหม่ก็เชื่อมั่นว่าประชาชนจะให้โอกาสตน ประกอบกับคู่แข่งสำคัญจากพรรคพลังประชาชนถูกใบแดง หากมีการเลือกตั้งใหม่ก็ถือว่าเป็นงานเบาขึ้น
อย่างไรก็ตามยังมีเงื่อนไขเวลาที่สั้นมากเป็นอุปสรรค ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อแผ่นดินจะได้ 2 ที่นั่งในเขตนี้ หากมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะดูจากผลคะแนนที่ได้ลำดับที่ 4 และ 6 ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตนก็อยากฝากขอบคุณทาง กกต.ที่ให้ความเป็นธรรม เพราะหากผู้ที่จ่ายเงินซื้อเสียงยังคงได้เข้าไปเป็นส.ส.อยู่ ประเทศชาติก็คงไม่พัฒนา อยากเห็นประชาชนเลือก ส.ส.จากนโยบายของพรรค ควบคู่กับพิจารณาจากตัวบุคคลมากกว่าการรับเงินซื้อเสียง หากเป็นเช่นนั้นได้ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตย ในทุกระดับและปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในที่สุด
กกตบุรีรัมย์เร่งสอบ19สำนวนที่เหลือ
ด้านนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.กำลังเร่งตรวจสอบสำนวนการร้องเรียนของผู้สนับสนุนผู้สมัคร และผู้สมัคร ที่ยังค้างอยู่จำนวน 19 สำนวน โดยจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเข้าทีประชุม กกต.จังหวัด เพื่อส่งให้ กกต.กลาง พิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อนวันเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 13 มกราคม 2551 ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ข่มขู่ สัญญาว่าจะให้ รวมไปถึงการแจกจ่ายซีดี. อีกเป็นจำนวนมาก
โดยการพิจารณาจะให้ความบริสุทธิ์ ยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้ถูกร้องเรียน และผู้ร้องเรียน เรื่องร้องเรียนจะมีผลอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐาน และ กกต.กลางจะเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดให้ใบเหลืองใบแดงผู้สมัครที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.จังหวัดไม่มีอำนาจชี้ขาดแต่อย่างใด ทั้ง มั่นใจว่า 19 สำนวนจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้